11 โฆษณาบน Facebook ที่ประสบความสำเร็จ คนดูเป็นล้าน ไม่เลื่อนผ่านไปไหน

ถึงแม้จะมีหลายคนพร่ำบ่นกันหนาหู ว่าจะไม่เลือกลงโฆษณาบน Facebook แล้ว เพราะว่าพี่มาร์ค ซักเคอร์เบิร์คขึ้นค่าโฆษณาหนักกว่าเดิมอยู่มากโข หลังจากที่ทาง Facebook ยอมรับเงื่อนไขการเก็บภาษีการค้าผ่านช่องทางดิจิทัลระหว่างประเทศ แต่ออกมาในช่วงเวลาใกล้เคียงกับตอนที่กำลังซื้อสินค้าของคนในประเทศไทยเริ่มตกต่ำลงมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะรายได้ที่เคยมีก็ต้องหดหาย เนื่องจากการล็อกดาวน์ และกฎเคอร์ฟิวในการเปิดห้างร้านต่าง ๆ ส่วนคนที่พอจะมีเครดิตไปกู้เงินจากธนาคารมาได้ ก็กู้เต็มวงเงินจนติดเพดาน ก่อหนี้ใหม่ไม่ได้อีกแล้ว ทำให้เงินไม่หมุนในระบบ ทั้ง ๆ ที่ทางรัฐบาลมีนโยบายให้ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ แต่เงินในส่วนนี้กลับไปกระจุกตัวอยู่กับผู้ประกอบการรายใหญ่ ที่นำเงินไปลงทุนในหุ้นและคริปโตเคอร์เรนซี่เกือบทั้งหมด เพราะเงินทุนส่วนนี้ หมุนไปไม่ถึงนักลงทุนรายย่อยและคนทำงานนั่นเอง พอไม่มีเงิน ก็เลยซื้อของไม่ได้ หรือมีเงินเข้าบ้าง แต่เข้าน้อยมาก ก็จำเป็นต้องประหยัดให้มากขึ้น ตัดค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยออกไป นี่จึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งสำคัญ ที่ทำให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์รายย่อยนั้นมียอดขายที่ต่ำลง ทั้ง ๆ ที่ยอมจ่ายหนัก เพื่อประมูลยิงโฆษณาบน Facebook ในช่วงโควิดอย่างเต็มกำลังแล้วก็ตาม

โฆษณาบน Facebook นั้นยังไม่ตาย ถ้ายังอยากขายของให้ได้ ต้องรีบปรับตัว

สาเหตุที่เราได้เกริ่นนำไปข้างต้นนั้น เป็นเพียงแค่องค์ประกอบบางส่วนของปัญหายอดขายบน Facebook ตกเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้ว มันยังมีสาเหตุอื่นอีกมากมาย ที่เราต้องพิจารณาด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับอัลกอริทึ่มของ Facebook ที่พยายามจะส่งเสริมคอนเทนต์ที่เป็นคลิปวิดีโอขนาดสั้น ๆ มากกว่าภาพนิ่งหรือตัวอักษร หากคุณปรับตัวโฆษณาที่จะยิง Ads ให้ตรงใจกับ Facebook ได้แล้วล่ะก็ โอกาสที่ Facebook จะเพิ่มการมองเห็นให้คุณก็มีมากขึ้นด้วย

แต่จริง ๆ แล้ว สิ่งที่สำคัญมากที่สุดและมองข้ามไม่ได้เลยก็คือ ตัวคอนเทนต์และการถ่ายทอดเนื้อหาที่น่าสนใจ จนคนเห็นแล้วอยากรู้สึกแชร์ต่อ และกลายเป็นโฆษณาไวรัล ที่ใคร ๆ ก็ต้องดู ซึ่งมันยังเป็นสิ่งที่ทำได้จริง ๆ และเกิดขึ้นมานานมากแล้วในเมืองไทย โดยวันนี้ทาง Convert Digital ได้นำตัวอย่าง โฆษณาดี โฆษณาเด่น โฆษณาที่เคยเป็นประเด็น เพราะเป็นโฆษณาไวรัลที่มีคนดูมากกว่า 1,000,000 คน มาฝากให้เพื่อน ๆ ได้มาศึกษาในวันนี้ถึง 11 คลิปด้วยกัน เผื่อที่จะมีไอเดียใช้เป็นแนวทางในการทำคอนเทนต์ใหม่ ๆ เพิ่มเติมได้ในอนาคต จะมีคลิปไหนโดนใจเพื่อน ๆ บ้าง ต้องตามมาดูกันแล้วล่ะ

คลิปโฆษณาบน Facebook

โฆษณาบน Facebook ระดับไวรัลอันดับที่ 11 แป้งศรีหอมจันทร์

ถึงแม้ว่าโฆษณาบน Facebook โฆษณานี้จะเก่าแล้ว แต่เรียกได้ว่าเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ แป้งศรีหอมจันทร์ เลยก็ว่าได้ เพราะคุณรวิศ หาญอุตสาหะได้ทำการ Rebranding ธุรกิจครอบครัวขนานใหญ่ ทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์แป้งศรีหอมจันทร์นั้นทันสมัย น่าใช้งานมากยิ่งขึ้นขึ้น ทำให้คนรุ่นใหม่สนใจซื้อมาลองใช้ แถมยังดังไกลไปถึงประเทศญี่ปุ่น ในฐานะของดีจากเมืองไทยอีกด้วย คลิกดูคลิป

โฆษณาบน Facebook ระดับไวรัลอันดับที่ 10 มหาวิทยาลัยหอการค้า

โฆษณานี้เพิ่งออกมาไม่นาน เมื่อเทียบกับโฆษณาในลักษณะที่คล้าย ๆ กันของม. กรุงเทพ ที่เคยส่งออกมาโปรโมทเมื่อหลายปีก่อน ว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้คิดอย่างสร้างสรรค์ แต่มหาวิทยาลัยหอการค้า นำมารีเมคและเพิ่มกิมมิคด้วยการใส่ลูกเล่นเรื่องคนไม่มีฝันนั้นไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายแล้วเข้ามาเพิ่มเติมจากของเดิมที่เคยเป็นไวรัลมาก่อน ก็เลยทำให้โฆษณาเรื่องนี้ กลายเป็นไวรัลไปตามระเบียบ คลิกดูคลิป

โฆษณาบน Facebook ระดับไวรัลอันดับที่ 9 น้าค่อม จาก Free Fire

เกมออนไลน์บนมือถือยักษ์ใหญ่จากสิงคโปร์ ที่เข้ามาตีตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในวงการ Gaming ที่ถึงแม้ว่าโควิดจะหนักหนา แต่ทางการีน่าเขาเอาอยู่ คนยิ่งอยู่บ้านนาน ก็ยิ่งมีเวลาเล่นเกมมากขึ้นตามไปด้วย ทางแบรนด์เลยจัดคลิปโฆษณาบน Facebook ที่มีคนดังมาเร้าอารมณ์ความดุเดือดในการต่อสู้ในเกมมากขึ้นนั่นเอง โดยคลิปนี้มีน้าค่อมร่วมแสดง ซึ่งอัดไว้ก่อนที่น้าค่อม ดาวตลกซุปเปอร์สตาร์ของไทยจะเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 คลิกดูคลิป

โฆษณาบน Facebook ระดับไวรัลอันดับที่ 8 แจ๊ค แฟนฉัน จาก Free Fire

คลิปนี้ก็คงคอนเซ็ปต์เดิมจาก Free Fire คือใช้คนดังมาช่วยโปรโมทโฆษณา มาในแนวหนังสั้นย้อนยุคเรื่องพจมาน โดยมีตัวแสดงหลักคือ แจ๊ค แฟนฉัน และ ป๋องแป๋ง เทยเที่ยวไทย มาถึงก็ด่ากันยับ สารพัดคำหยาบคาย ดุเดือดประหนึ่งว่ากำลังตีป้อมอย่างหัวร้อนในเกม คลิกดูคลิป

โฆษณาบน Facebook ระดับไวรัลอันดับที่ 7 แน๊ค ชาร์ลี และ อาเธอร์ จาก Free Fire

Free Fire ไม่หยุดแค่นั้น แต่ยังดึงคนดังที่ดังกว่าคลิปก่อน ๆ ส่งออกมาอย่างต่อเนื่องด้วย แน๊ค ชาร์ลี พระเอกหนังเรื่อง แฟนฉัน และ อาเธอร์ หลานชายของแน๊คอีกที มาร่วมสร้างหนังสั้นกระตุ้นยอดขาย งานนี้ทั้งคู่ทะลุจอเข้าไปติดอยู่ในโลกของเกม Free Fire ที่ดูแล้วคล้าย ๆ กับทะลุมิติไปในเกมเหมือน Jumanji แต่คนก็ชอบมาก และมีคนดูมากกว่า 3.3 ล้านคนแล้วในขณะนี้ คลิกดูคลิป

โฆษณาบน Facebook ระดับไวรัลอันดับที่ 6 เสื้อยืด X พี่เอ็ด 7 วิ (เสือร้องไห้) จาก GQ Thailand

ช่วงแรก ๆ ที่ทาง GQ Thailand พยายามสร้างโฆษณาบน Facebook เป็นของตัวเองในรุ่นบุกเบิกนั้น โฆษณาของเขานั้นออกจะหนักไปทางข้อมูลทางวิชาการมากมาย ทำให้ไม่เปรี้ยงเท่าไหร่ เลยเปลี่ยนแนวมาให้อินฟลูเอนเซอร์ช่วยทำคลิปให้ และแน่นอนว่า ผลงานที่ออกมาก็ดีมาก ๆ เลย เพราะเป็นช่วงแรก ๆ ที่พี่เอ็ด 7 วิ (เสือร้องไห้) นั้นรับทำคลิปแต่งเพลงเชียร์ขายสินค้า ทำให้โฆษณาบน Facebook ชุดเสื้อยึดนั้นดังเปรี้ยง เพราะยังไม่ค่อยมีใครมาแต่งเพลงขายของแบบนี้เท่าไหร่ แต่ปัจจุบันนั้นมีโฆษณาแนวนี้ค่อนข้างมาก ทำให้คนไม่รู้สึกว้าวสักเท่าไหร่ คลิกดูคลิป

โฆษณาบน Facebook ระดับไวรัลอันดับที่ 5 เสื้อเปลี่ยนสีตามอุณหภูมิ จาก GQ Thailand

อีกหนึ่งโฆษณาบน Facebook ที่กลายเป็นไวรัลเมื่อหลายปีก่อน ในช่วงที่ยังสามารถเล่นสงกรานต์สาดน้ำกันได้ GQ Thailand ชิงเปิดตัวสินค้าในช่วงก่อนเทศกาลไม่นาน เพื่อชิงความสนใจของคนในช่วงนั้น โดยมีจุดเด่นของเสื้อยืด ที่ถ้าโดนน้ำเย็นแล้วจะเปลี่ยนสี ซึ่งแน่นอนว่ายอดขายปีนั้นพุ่งทะลุปรอทไปตามระเบียบ คลิกดูคลิป

โฆษณาบน Facebook ระดับไวรัลอันดับที่ 4 กางเกงในสำหรับ CEO จาก GQ Thailand

สินค้าดีอย่างเดียวอาจไม่โดน แต่ถ้าคอนเทนต์โดน คนเห็นเป็นอยากซื้อ เพราะนี่คือโฆษณาบน Facebook ชุดใหม่ล่าสุดของ GQ Thailand ที่ออกแบบกางเกงในคุณภาพดี ราคาสูงออกมา โดยมีจุดขายว่าเป็นกางเกงในสำหรับ CEO ใส่แล้วไม่อับชื้น ไม่เจ็บน้อง กระชับ พร้อมรับทุกสถานการณ์ ใส่แล้วพรีเซนต์งานดี ตอบโจทย์หนุ่มออฟฟิศและคนรุ่นใหม่สุด ๆ ถึงแม้ว่าบรรยากาศมันอาจจะดูวาบหวิวไปบาง แต่เรียกแขกได้ดีเลยทีเดียว คลิกดูคลิป

โฆษณาบน Facebook ระดับไวรัลอันดับที่ 3 I Hate Thailand จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ตัวนี้เป็นคลิปโฆษณาบน Facebook และนอก Facebook ที่ดังมาก ไม่ใช่ดังแค่ในไทย แต่ดังไปทั่วโลกเลยทีเดียว เพราะอยู่ ๆ ก็มีฝรั่งมาด่าคนไทย ว่าขโมยของเขาอย่างนู้นอย่างนี้ แต่สุดท้ายจบดีแบบตบหัวแล้วลูบหลัง ด้วยการบอกว่าเขารักเมืองไทย เพราะคนไทยช่วยให้อาหาร ให้ที่พัก ให้ความสนิทสนมกับเขา จนเข้าเปลี่ยนความคิด แล้วตัดจบด้วยการที่เด็กสาวเอากระเป๋ามาคืนเขา แล้วบอกว่าลิงมันเอาไป ที่เขาเคยคิดนั้นเป็นสิ่งที่ผิด แต่ช่วงหลัง ๆ มีกระแสดราม่าด้านลบเรื่องเหล่านี้ คลิปเลยโดนลบไปหลายที่แล้ว คลิกดูคลิป

โฆษณาบน Facebook ระดับไวรัลอันดับที่ 2 พ่อใบ้ จากไทยประกันชีวิต

โฆษณาบน Facebook ไทยประกันชีวิต เรื่องนี้ดูกี่ครั้งก็บ่อน้ำตาแตก ไม่ใช่แตกแค่คนไทย แต่คนญี่ปุ่นก็น้ำตาซึมด้วย เป็นอีกหนึ่งโฆษณาที่ทุกคนต้องจำได้ สะท้อนให้เห็นถึงความรักที่พ่อมีต่อลูก ถึงแม้ว่าตัวพ่อจะมีความพิการ แต่ทั้งชีวิตก็มอบให้กับครอบครัวที่เขารัก เรียกความรู้สึกซาบซึ้งให้กับคนรุ่นใหม่รู้สึกว่า เขาควรตอบแทนพ่อแม่ด้วยการซื้อประกันให้พวกท่านบ้าง โดยไม่รู้สึกว่าโดนบังคับขายประกันแต่อย่างใด คลิกดูคลิป

โฆษณาบน Facebook ระดับไวรัลอันดับที่ 1 ทำดีแล้วได้อะไร จากไทยประกันชีวิต

ปิดท้ายด้วยไวรัลที่ดังที่สุดทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ และแน่นอน เป็นโฆษณาบน Facebook ที่ดังที่สุดด้วยเช่นกัน ดังจนทำให้บริษัทได้รางวัล “No.1 Brand Thailand Awards 2019 –2020” หรือแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1ในหมวดธุรกิจประกันชีวิต ที่ครองใจผู้บริโภคไทย ตลอดจนรางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร (Prime Minister’s Insurance Awards) ประจำปี 2562 รวมไปถึงรางวัลบริษัทประกันชีวิตที่มีการบริหารงานดีเด่นอันดับ 1 ประจำปี 2563 จากนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อีกทั้งรางวัล Grand Stevie Award winners, Best of The 2020 International Business Awards และที่ว้าวที่สุดก็คือ ได้รับรางวัล International Business Awards 2020 (Stevie Awards) ประเทศสหรัฐอเมริกา (Most Valuable Corporate Response on COVID-19) อีกด้วย คลิกดูคลิป

จะเห็นได้ว่าคลิปโฆษณาบน Facebook บางคลิปนี่ก็ผ่านเวลาล่วงเลยมานานเกือบ 10 ปีแล้ว แต่ยังเป็นเนื้อหาที่ติดตาต้องใจ จนใครหลาย ๆ คนยังสามารถจดจำได้เป็นอย่างดี แสดงให้เห็นแล้วว่า ถ้าคุณตั้งใจทำโฆษณาบน Facebook ให้น่าสนใจและกลายเป็นโฆษณาไวรัลได้ มันจะช่วยส่งเสริมแบรนด์ของคุณได้เป็นอย่างดี ถึงเวลาจะล่วงเลยไปนับ 10 ปีแล้วก็ตามได้เช่นกัน ดีไม่ดีอาจดังไกลไปนอกประเทศด้วยนะเออ

หากสนใจอยากผลิตงานโฆษณาบน Facebook ที่ดี มีคุณภาพ และมีโอกาสกลายเป็นโฆษณาไวรัลแล้วล่ะก็ ลองมาขอคำปรึกษาจากผู้ให้บริการด้านการทำการตลาดออนไลน์ระดับมืออาชีพอย่าง Convert Digital กันนะครับ ปรึกษาเลยวันนี้ คลิก

Read More

บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์เพื่อบริษัท Startup

ตั้งแต่เชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 ได้แพร่ระบาดไปทั่วทั้งโลกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ณ ตอนนี้ ก็เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบ 2 ปีแล้ว โลกได้เกิดบริษัท Startup หน้าใหม่ขึ้นมามากหน้าหลายตา ถึงแม้ว่าจะมี บริษัท Startup เป็นจำนวนไม่น้อยที่ต้องล้มหายตายจากไปอย่างน่าเสียดาย แต่ก็มีบริษัท Startup บางแห่งที่ได้รับผลดีจากสถานการณ์วิกฤติของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป จนเหมือนเป็นตัวเร่งปฏิกริยา ดันให้บริษัทน้องใหม่ประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดด และได้กลายเป็นยูนิคอร์นตัวใหม่ของโลกก็มีมาแล้ว เหมือนอย่างบริษัท Flash Express ถือเป็นระดับยูนิคอร์นตัวแรกของประเทศไทยนั่นเอง

บริษัท Startup คืออะไร

ยุคนี้ใคร ๆ ก็พูดถึงแต่ บริษัท Startup แล้วคุณล่ะ เข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำนี้แล้วหรือยัง และ บริษัท Startup นั้นมีความเหมือนและความแตกต่างจากบริษัทห้างร้านต่าง ๆ ที่พวกเราคุณเคยกันอย่างไร มาลองตรวจสอบความเข้าใจของคุณไปพร้อม ๆ กันกับเราได้เลย

บริษัท Startup คือ บริษัทขนาดเล็กที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจใหม่ โดยได้ทำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ช่วยในการแก้ปัญหา ส่วนมากจะมาในรูปแบบของแพลตฟอร์มต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ แต่ก็มีบริษัท Startup จำนวนไม่น้อยที่ดำเนินกิจการทั้งแบบออฟไลน์ควบคู่ไปกับการให้บริการผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งบริษัทนั้นนจะได้รับเงินก้อนในการขยายสเกลบริษัทมาจากนักลงทุน ที่เรียกว่า Venture Capital หรือบางครั้งก็มีชื่อเรียกน่ารัก ๆ ว่า Angel Investor นั่นเอง

บริษัท Startup คืออะไร

ความเหมือนหรือต่างกับบริษัททั่วไป

บริษัท Startup เหมือนกับบริษัททั่วไปตรงที่เป็นบริษัทที่ดำเนินกิจการโดยมีเป้าหมายสูงสุด ที่เรียกได้ว่าเป็นความสำเร็จสูงสุดในแบบเดียวกันกับบริษัททั่วไป คือ หวังผลกำไรเป็นที่ตั้งนั่นเอง เพราะฉะนั้นบริษัท Startup ที่ไม่แสวงหาผลกำไรนั้นไม่มี ถ้าเป็นบริษัทที่ไม่ต้องการกำไร แบบนั้นเรียกว่า “มูลนิธิ” หรือ “องค์กรการกุศล”

บริษัท Startup ต่างจากบริษัททั่วไปตรงที่จะต้องมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง และมีระยะเวลาจำกัดในการดำเนินกิจการในช่วงแรก โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการตกลงของผู้ลงทุน เช่น ต้องคืนทุนภายใน 1 ปี หรือ 2 ปี

ทำไมถึงควรเปิดบริษัท Startup

“การลงทุนมีความเสี่ยง ควรใช้วิจารณญาณก่อนการลงทุน” ประโยคยอดฮิตที่ใคร ๆ ก็ชอบพูด แต่ความจริงแล้วก็คือ “การไม่ยอมเสี่ยงทำอะไรใหม่ ๆ เลยต่างหากที่เป็นความเสี่ยงที่เสี่ยงมากที่สุด” ทั้งนี้เป็นเพราะว่าวิถีชีวิตและสภาพเศรษฐกิจของโลกนั้นผันแปรไปในทุก ๆ วัน ทำให้วิธีการแก้ปัญหาแบบเดิมไม่ได้ผล หรือได้ผลไม่เต็มที่ และนี่คือสาเหตุที่ทำให้บริษัท Startup นั้นเกิดมาเพื่อตอบโจทย์ของผู้คนนั่นเอง

บริษัท Startup มีข้อดียังไง

ข้อดีนั้นมีมากจริง ๆ แต่จุดเด่นหลัก ๆ ที่ทำให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจเปิดบริษัท Startup กันเป็นดอกเห็ด เพราะมันเป็นหนทางแห่งความสำเร็จที่ลงทุนน้อย เจ็บตัวน้อย (เพราะได้เงินคนอื่นมาลงทุน) แถมเวลาที่เสียไปยังสามารถใช้เป็นประสบการณ์ในการทำงานได้อีกด้วย และที่เด็ดที่สุด คือ มีชีวิตที่ออกแบบเองได้ เป็นนายตัวเอง นอกจากนี้ ยังมีอิสระในการทำงานและใช้ชีวิต ข้อดีเยอะแบบนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใคร ๆ ก็อยากเปิดบริษัทเปิดของตัวเอง

 

ทำไมถึงควรเริ่มเปิดบริษัทตั้งแต่ตอนนี้

“โอกาสก็เหมือนไอติม ถ้าไม่รีบชิม เดี๋ยวมันจะละลายนะเออ” ตอนนี้คือช่วงเวลาทองในเปิดบริษัท Startup เพราะตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ ย้ายจากโลกออฟไลน์เข้ามาสู่โลกออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ โดยมีเจ้าเชื้อโควิด 19 เป็นตัวเร่งปฏิกริยาให้เรื่องราวเหล่านี้เกิดได้เร็วขึ้น ใครจะไปเชื่อว่าแม่ค้าขายลูกชิ้นข้างทางจะสามารถใช้แอปพลิเคชันบนมือถือในการรับเงินจากลูกค้ารายทางได้ แต่แอปพลิเคชันเป๋าตังค์ และถุงเงินก็ได้พิสูจน์มาแล้วว่า สังคมไร้เงินสดนั้นสามารถเกิดได้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนนี้เราสามารถซื้อทอง กองทุน ตลอดจนพันธบัตรรัฐบาลผ่านแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้เช่นกัน

 

อนาคตของบริษัท Startup จะเป็นอย่างไร

ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครรู้อนาคตที่แน่นอนได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันน้ันจะเป็นรากฐานที่ดีของอนาคต เช่นเดียวกันกับเวลาที่เรารู้ว่าเรือรั่ว เราต้องรีบหาทางออกจากเรือก่อนที่มันจะจมลง ดังนั้นเมื่อเราเห็นลมเปลี่ยนทิศ เราเองก็ต้องรีบปรับตัว เหมือนอย่างธุรกิจนิตยสารและหนังสือพิมพ์ ที่ต้องรีบย้ายตัวเองขึ้นมาสู่แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อความอยู่รอด

Successful Startup

ทำอย่างไรบริษัท Startup จึงจะประสบความสำเร็จ

จริง ๆ แล้ว มันไม่มีสูตรสำเร็จในการทำให้คุณประสบความสำเร็จในการเปิดบริษัท Startup ได้แบบเต็มร้อยหรอกนะ ของแบบนี้มันต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์สอดประสานกันอย่างลงตัว อาจจะต้องมีปรับสูตรอย่างละนิดอย่างละหน่อย ให้เหมาะสมในแบบฉบับของตัวคุณเอง แต่อย่างน้อย ๆ คุณควรจะหาเพื่อนร่วมทางดี ๆ ที่จะช่วยดันบริษัทของคุณให้ไปถึงฝั่งฝันได้ง่ายและเร็วขึ้น ซึ่งเคล็ดไม่ลับของเบื้องหลังความสำเร็จของบริษัท Startup นั้น มีนักการตลาดคอยช่วยเหลืออยู่ไม่ห่าง

การตลาดต้องทำผ่านช่องทางออนไลน์

วิธีการทำการตลาดแบบเดิมนั้นไม่ได้ผลแล้ว เพราะผู้คนย้ายคอมมูนิตี้มาอยู่บนโลกออนไลน์กันมากกว่าที่เราคิด ตั้งแต่โควิด 19 ระบาดมาระลอกแล้วระลอกเล่า เราก็เห็นความไม่แน่นอนของการเปิดทำการของห้างสรรพสินค้าและสำนักงานต่าง ๆ ที่เคยเป็นจุดรวมคน ทำให้แรงงานจำนวนมากต้อง Work From Home ทำงานกันที่บ้าน แล้วไปช้อปกันกระจายบนโลกออนไลน์ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์นั้นรวดเร็วมาก ดังนั้นผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้ไว คว้าโอกาสให้ทัน

 

แล้วจะเลือกใครมาช่วยการตลาดออนไลน์ให้ดี

จริง ๆ แล้วมีหลายบริษัทเลยนะที่ให้บริการทำการตลาดออนไลน์ให้บริษัทน้องใหม่ แต่จะลงทุนเรื่องนี้ คุณต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน เพราะในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ เราต้องมีความรัดกุมในการจับจ่าย โดยควรจะหาข้อมูลของบริษัททำการตลาดออนไลน์ให้ดีว่ามีตัวตนจริงหรือไม่ แล้วอย่าลืมตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้ต่อค่าใช้จ่ายที่เสียไปประกอบการตัดสินใจก่อนทำสัญญาด้วยล่ะ

ถ้าอยากได้ผู้ช่วยมืออาชีพมาช่วยเรื่องนี้ ต้องบริษัท Convert Digital เท่านั้น ที่นี่ทำงานเป็นระบบ มีทีมงานคอยอัปเดตข้อมูลและสถิติให้อย่างเป็นระบบ ภายในเวลา 6 เดือน ส่ง Leadไปให้บริษัท Startup มากกว่า 7,500 ครั้ง ค่าใช้จ่ายเพียงแค่ 25-50 บาทต่อ 1 Lead เท่านั้น มีผลงานการันตีคุณภาพจากบริษัทชั้นนำ อย่าง Lead 40% ของทาง Fatorium ที่มาจาก Google Ads ก็ผลงานของ Convert Digital ส่วนใครมาสายโซเชียลก็ไม่ต้องกังวล เพราะทาง Convert Digital ก็ช่วยเพิ่ม Lead ให้คุณได้สบาย ๆ ถ้าใครเห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ System Stone มาบ้างแล้วล่ะก็ บอกเลยว่า Convert Digital เองก็เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ ใครสนใจลองแวะไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลย www.convertdigital.co.th/th/portfolio/systemstone/

นาทีนี้ทางออกของคนรุ่นใหม่อาจจะไม่ใช่การย้ายประเทศ เพราะย้ายไปไหนก็ยังเจอกับเจ้าโควิดตัวร้ายอยู่ดี แต่ถ้าเรามามองดูถึงโอกาสทางธุรกิจ และต้นทุนในการเปิดบริษัท Startup อย่างรอบด้านแล้ว จะเห็นได้ว่าประเทศไทยนั้นมีต้นทุนในการเปิดบริษัท Startup ที่น่าจะต่ำติดอันดับต้น ๆ ของเอเชียแล้ว ดังนั้นอย่าพลาดโอกาสทองในครั้งนี้ เปลี่ยนวิกฤติให้กลายเป็นโอกาส เริ่มลงมือเลยวันนี้ และอย่าลืมหาตัวช่วยดี ๆ อย่างบริษัทการตลาดออนไลน์มาช่วยขับเคลื่อนบริษัทด้วยล่ะ เพราะถึงโปรดักซ์คุณจะดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีคนรู้จัก มันก็ทำเงินไม่ได้นะ จริงไหม? วางใจให้ผู้เชี่ยวชาญจัดการในส่วนการตลาดออนไลน์ที่ซับซ้อนและให้คุณมีเวลาไปโฟกัสในส่วนอื่น ๆ ที่สำคัญไปพร้อมกัน ความสำเร็จอยู่ไม่ไกลอย่างแน่นอน

Read More

โฆษณาบน Facebook การตลาดยอดนิยมของร้านค้าออนไลน์

จริง ๆ แล้วการทำการตลาดนั้นก็มีได้หลายรูปแบบ ทั้งแบบแจกใบปลิว ลงข่าวกับสื่อหลัก หรือว่าใช้เทเลเซลล์โทรไปขายสินค้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นการทำการตลาดแบบดั้งเดิมที่ยังคงใช้ได้ แต่ประสิทธิภาพในการปิดการขายอาจจะน้อยลง เพราะผู้คนนั้นได้ย้ายฐานในการเสพย์สื่อไปอยู่บนโลกอินเทอร์เน็ตมากขึ้นกว่าแต่ก่อนหลายเท่าตัว โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มที่เป็นแหล่งสังคมออนไลน์ ซึ่งได้รวบรวมกลุ่มคนที่มีความสนใจใกล้เคียงกันมาพูดคุย แลกเปลี่ยน และแชร์ประสบการณ์ร่วมกัน โดยแอปพลิเคชันที่มีความสามารถโดดเด่นมากที่สุดในเรื่องนี้ ก็คงหนีไม่พ้น Facebook ซึ่งเป็นโซเชียลมีเดียที่มีจำนวนผู้ใช้งานในแต่ละวันสูงที่สุดในโลก ทำให้การลงโฆษณาบน Facebook กลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางการทำการตลาดที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

ทำความรู้จักกับโฆษณาบน Facebook

หลายคนคงเคยเห็นหน้าเห็นตาของเจ้าโฆษณาบน Facebook ขณะที่เข้าใช้งานบนแอปพลิเคชันดังกล่าวกันมากันบ้างแล้ว ไม่มีว่าจะเป็นโฆษณาที่ขึ้นมาแทรกบนหน้าฟีดข่าว เวลาที่เราสไลด์หน้าจอ เพื่ออัปเดตข่าวสารและความเคลื่อนไหวจากเพื่อน ๆ ตลอดจนเพจที่เราไปกดติดตามเอาไว้ หรือบางทีโฆษณาอาจโผล่มาแทรกตอนที่เรากำลังดูคลิปวิดีโอต่าง ๆ รวมไปถึงการขึ้นโฆษณาเอาไว้บนแถบบนสุดของกล่องข้อความผ่าน Messenger หรือในบางครั้งโฆษณาก็อาจจะไปโผล่บน Story ได้ด้วยเช่นกัน

โฆษณาบน Facebook แบบ In-Stream

แบบ In-Stream นั้นเป็นคลิปวิดีโอที่จะปรากฎขึ้นก่อน ระหว่าง หรือหลังจากที่คุณกดเล่นวิดีโอตัวหลัก โดยจะกินเวลาประมาณ 15 วินาที ในการจูงใจให้ผู้เห็นโฆษณากดคลิกต่อไปยัง Sales Page ของสินค้าและผลิตภัณฑ์ของคุณ ซึ่งการลงโฆษณาในรูปแบบนี้มีข้อเสียอยู่เล็กน้อย เพราะสามารถกดข้ามการรับชมด้วยปุ่ม Skip ได้นั่นเอง

โฆษณาบน Facebook

โฆษณาบน Facebook แบบ Bumper

แบบ Bumper นั้นจะเป็นคลิปวิดีโอที่สั้นมาก ๆ โดยสั้นกว่าแบบ In-Stream มากกว่าครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว เพราะแบบ Bumper จะแสดงผลเพียงแค่ 6 วินาทีเท่านั้น ซึ่งการลงโฆษณาแบบนี้จะแสดงผลได้ดีบนสมาร์ทโฟน เพราะคลิปสั้นแบบนี้จะทำให้คนจดจำข้อความที่คุณพยายามจะสื่อสารออกไปได้ดี แต่ด้วยเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด การลงโฆษณาแบบ Bumper จำเป็นต้องสั้น กระชับ และสร้าง impact ให้ได้มากที่สุด ส่วนใหญ่การลงโฆษณาแบบนี้ มักจะมาพร้อมปุ่ม call to action อย่างเช่น กดสั่งซื้อสินค้า หรือให้กดลิงก์ต่อมายังกล่องข้อความ

 

โฆษณาบน Facebook แบบ Discovery

แบบ Discovery จะปรากฎเมื่อผู้ใช้งาน Facebook กดค้นหา โดยมีลักษณะคล้ายกับการแสดงโฆษณาในหน้าแรกของ YouTube ซึ่งมีการแนะนำวิดีโอที่เกี่ยวข้องแทรกขึ้นมาด้วย โดยจะมีโอกาสเกิด success rate ที่เพิ่มมากขึ้น หากโฆษณาแบบ Discovery ของคุณทำให้ user สนใจ และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างตรงจุด

โฆษณาบน Facebook

ทำไมจึงควรลงโฆษณาบน Facebook ตั้งแต่ตอนนี้

มีเหตุผลมากมาย ที่ทำให้คุณควรลงโฆษณาบน Facebook ตั้งแต่ตอนนี้ แต่สาเหตุหลัก ๆ คงหนีไม่พ้นในเรื่องของการทำให้สินค้าและบริการของคุณกลายเป็นที่รู้จักให้มากและรวดเร็วที่สุด เนื่องจากทำเลใหม่ ๆ บนโลกออนไลน์ในถูกจับจองมากขึ้น โดยมีการแพร่ระบาดของโควิด 19 เป็นตัวเร่งปฏิกริยาให้คนเปลี่ยนแพลตฟอร์มและรูปแบบการทำธุรกิจแบบเดิม ๆ มาทำการซื้อขายสินค้ากันบนโลกออนไลน์กันในเวลาที่สั้นที่สุดในประวัติศาสตร์

เพื่อให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์ของคุณมากขึ้น

หากคุณเป็นร้านอาหารเปิดใหม่ ที่มีความโดดเด่นเรื่องความสดของวัตถุดิบระดับตัวท๊อป แถมรสชาติยังอร่อยเด็ดจนภัตตาคารหลายแห่งยังต้องชิดซ้าย แต่ถ้าหากว่าคุณไม่มีใครรู้จักร้านอาหารของคุณ หรือยังไม่กล้าตัดสินใจว่าจะสั่งอาหารจากร้านของคุณดีหรือไม่ เนื่องจากร้านของคุณยังไม่มีชื่อเสียงมากพอที่พวกเขาจะเสี่ยงจ่ายเงินไป การที่คุณเข้าไปทำให้พวกเขาคุ้นเคยจะช่วยให้เกิด convention rate ได้สูงกว่าการไม่ลงโฆษณาใด ๆ

 

กระตุ้นยอดขาย ทำกำไรเพิ่มเป็นเท่าตัว

หากคุณมีฐานลูกค้าอยู่แล้ว และต้องการรักษา engagement กับพวกเขาเหล่านั้นไว้อย่างเหนียวแน่น ไม่ให้แฟนคลับของร้านคุณเปลี่ยนใจไปลองใช้บริการของเจ้าอื่น ๆ การยิง ads บน Facebook ก็สามารถทำให้ลูกค้าผูกพันกับแบรนด์ของคุณได้แนบแน่นยิ่งกว่าเดิม แถมยังช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้คนที่ยังไม่ตัดสินใจซื้อ ให้เชื่อมั่นในแบรนด์ของคุณมากเพียงพอที่จะลองใช้บริการ แถมยังใช้เงินในการลง โฆษณาต่ำกว่าการทำการตลาดด้วยวิธีการอื่น ๆ อีกหลายเท่าตัว อีกทั้งยังสามารถวัดผลผ่านการวิเคราะห์สถิติหลังบ้านได้แบบ real-time อีกด้วย

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากทำการตลาดออนไลน์ แต่ยังไม่มีเวลาศึกษาความรู้ในเรื่องนี้ หรือหากเคยลองมาแล้ว แต่อยากปรับแต่งโฆษณาให้ดีและโดนใจลูกค้ามากขึ้น เรามีตัวช่วยดี ๆ สำหรับคนที่อยากทำการตลาดออนไลน์ด้วย Facebook จากทีมงานการตลาดมืออาชีพอย่าง Convert Digital ช่วยดูแลคุณ แล้วคุณจะพบว่า convention rate ของคุณจะเพิ่มมากขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนอย่างแน่นอน

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.convertdigital.co.th/th/contact-us/

Read More

SEO และ SEM ต่างกันอย่างไร? ธุรกิจของคุณเหมาะกับวิธีไหน

ยินดีต้อนรับสู่การยุคการตลาด 5.0 ที่เทคนิคในการทำการตลาดนั้นได้เปลี่ยนไปตลอดกาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากการที่โฆษณาและประชาสัมพันธ์ไปแบบกว้าง ๆ ให้คนรู้จักแบรนด์ให้มากที่สุด ได้ถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นการทำการตลาดแบบรายบุคคล ที่จะส่งสินค้าและบริการที่ตรงกับความสนใจของลูกค้าไปหาพวกเขาแบบเฉพาะเจาะจงเลยทีเดียว ทำให้มีข้อเสนอพิเศษและการปรับเปลี่ยนโปรโมชันตามเงื่อนไขต่าง ๆ ได้แบบ Real-time เพื่อดึงกำลังซื้อของกลุ่มเป้าหมายให้ตัดสินใจจับจ่ายซื้อผลิตภัณฑ์ให้ได้มากที่สุด แต่ก่อนที่จะก้าวไปถึงจุด ๆ นั้นได้ คุณต้องผ่านแบบทดสอบด่านแรก นั่นก็คือ ทำให้ลูกค้ารู้จักสินค้าของคุณให้ได้ก่อน ดังนั้นกระบวนการในการทำให้สินค้าของคุณได้มีโอกาสผ่านสายตาคนที่น่าจะกลายเป็นลูกค้าของคุณในอนาคตได้นั้น จึงเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญในการทำธุรกิจ ซึ่งในวันนี้ เราจะพาคุณมาเรียนรู้เกี่ยวกับหลักการทำงานของเครื่องมือการทำการตลาดผ่าน Search Engine ด้วย SEO และ SEM และแสดงให้คุณเห็นว่า SEO และ SEM ต่างกันอย่างไร แล้วกลยุทธ์ไหน ที่เหมาะจะนำมาปรับใช้กับธุรกิจของคุณ

ทำความรู้จักกับการทำการตลาดออนไลน์ผ่าน Search Engine

วิธีการทำการตลาดออนไลน์นั้นมีหลายแบบ ไม่ว่าจะทำเป็นแบบ e-Newsletter หรือการส่งข่าวสารผ่าน e-mail จากนั้นเริ่มพัฒนาขึ้นมาสู่การทำการตลาดผ่านพื้นที่ส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ บล็อก รวมไปถึงพลังแห่งการบอกต่อบนโซเชียลมีเดีย แต่ในวันนี้ เราจะมาพูดถึงการทำการตลาดออนไลน์ที่มีความซับซ้อนมากขึ้นอีกระดับ เพราะมีข้อมูลและสถิติที่ใช้อ้างอิง จนสามารถวัดความคุ้มค่าของเงินที่เราใส่ลงไปเพื่อลงทุนทำการตลาดได้อย่าง การทำการตลาดออนไลน์ผ่าน Search Engine ทั้ง SEO และ SEM

Search Engine

ทำความรู้จักกับ SEO

SEO ย่อมาจากคำว่า Search Engine Optimization เป็นการทำการตลาดที่ยั่งยืน แต่ต้องใช้เวลานาน 6-12 เดือนถึงจะสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยการทำการตลาดแบบ SEO เป็นการตลาดที่ต้องทำงานหนัก เนื่องจากต้องลงบทความที่น่าเชื่อถืออย่างต่อเนื่อง ทั้งในเว็บไซต์หลัก และต้องพึ่งพาอาศัยการให้เครดิตจากเว็บไซต์อื่น ๆ ที่น่าเชื่อถือ ในการยิงลิงก์อ้างอิงกลับมาที่เว็บไซต์ที่คุณจะทำ SEO เพื่อเพิ่มคะแนนเครดิตจากหน่วยประมวลผลของทาง Search Engine ให้มากพอ จนกระทั่งเว็บไซต์ของคุณจะได้เลื่อนลำดับมาติดผลการค้นหาในหน้าแรก ๆ ได้

 

ทำความรู้จักกับ SEM

SEM หรือ Search Engine Marketing นั้นก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การทำการตลาดออนไลน์ แต่ถ้าใช้เทคนิค SEM นั้น ต้องแลกมาด้วยเงินก้อนในการลงโฆษณา แต่มีข้อดีคือเว็บไซต์ของคุณจะได้รับการแสดงผลการค้นหาในหน้าแรกสุดทันที แถมยังอยู่บนทำเลที่ดีที่สุด คืออยู่ด้านบนสุดในหน้าต่างแสดงผลเลยทีเดียว แต่การทำ SEM นั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก หากคุณมีคู่แข่งคนอื่นที่มาประมูลแย่งคีย์เวิร์ดเดียวกันกับคุณ

SEO และ SEM ต่างกันอย่างไร

SEO กับ SEM นั้นอาจจะดูคล้าย ๆ กัน เพราะต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นการทำการตลาดผ่าน Search Engine ด้วยกันทั้งนั้น แต่จริง ๆ แล้วมันมีรายละเอียดปลีกย่อยหลายอย่างที่ทำให้ยุทธวิธีการทำการตลาดทั้งสองนี้ต่างกัน ลองมาดูกันดีกว่า ว่า SEO และ SEM ต่างกันอย่างไรบ้าง

เวลา ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ SEO และ SEM แตกต่างกัน

การทำ SEO นั้นเป็นการสร้างความเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของคุณ โดยเวลาจะลงข้อมูลใหม่ ๆ อัปเดตลงไป ไม่ควรลงเยอะ ๆ ในเวลาเดียวกัน แต่ควรจะค่อย ๆ ลงทีละนิดทีละหน่อย อย่างบทความ SEO ควรจะลงวันละ 1 บทความอย่างต่อเนื่องไปเป็นระยะเวลา 3-6 เดือน ต่างจาก SEM ที่สามารถลงข้อมูลทุกอย่างให้ครบเตรียมพร้อมรับลูกค้า จากนั้นซื้อโฆษณาแบบ SEM แล้วรอรับออเดอร์ได้เลยทันที

งบประมาณที่ต้องใช้ อีกหนึ่งปัจจัย ที่ทำให้ SEO และ SEM แตกต่างกัน

การทำ SEO นั้นคล้ายกับการปลูกต้นไม้ ที่มีต้นทุนที่ต่ำมาก ๆ แต่ต้องอาศัยความอดทนและความสม่ำเสมอในการรดน้ำ ใส่ปุ๋ย พรวนดิน ป้องกันศัตรูพืช จนกว่าที่จะต้นไม้จะโตพอที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ และก็จะสามารถทานผลไม้ได้ต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี แต่ SEM เป็นเหมือนกับการใช้เงินในการแก้ปัญหา ถ้าคุณอยากกินทุเรียน ก็เดินไปซื้อที่ห้างสรรพสินค้าได้เลย ในซุปเปอร์มาร์เก็ตมีแบบแกะเปลือกไว้พร้อมขายอยู่แล้ว เพียงแค่คุณจ่ายเงินเต็มจำนวน ก็สามารถทานผลไม้ที่คุณโปรดปรานได้ทันที แต่พอกินหมด คุณก็จะไม่มีทุเรียนกินอีก จนกว่าคุณจะนำเงินก้อนไปซื้อมันใหม่อีกรอบ

Time and Money

ระหว่างการทำการตลาดออนไลน์แบบ SEO กับ SEM แบบไหนที่ใช่สำหรับธุรกิจของคุณ

หากคุณดำเนินธุรกิจมานานกว่า 1 ปี และมีคนรู้จักสินค้าและผลิตภัณฑ์ของคุณอยู่พอสมควร คุณสามารถเริ่มต้นที่ SEO ได้เลย เพราะคุณมีฐานลูกค้าเดิมอยู่แล้ว และมีความน่าเชื่อถือมากพอที่จะสร้างเครดิตให้กับแบรนด์ จนสามารถขยายฐานแฟนคลับออกไปได้อย่างสบาย ๆ แต่ยั่งยืน อย่างไรก็ตาม หากว่าเว็บไซต์ของคุณเพิ่งเปิดตัวมาใหม่ ๆ แบบนี้เราแนะนำให้ทำ SEO ควบคู่ไปกับ SEM เพราะ SEO จะเป็นเหมือนรากแก้ว ที่ทำให้ธุรกิจของคุณมีฐานรากที่มั่นคงแข็งแรง ส่วน SEM เหมือนรากแขนงที่แตกสาขาออกไปช่วยดูดซึมสารอาหารและแร่ธาตุต่าง ๆ มาเติมพลังให้ต้นกล้าธุรกิจ ซึ่งทาง Digital Convert ยินดีที่จะเป็นปุ๋ยสูตรพิเศษ ที่จะมาเสริมความแข็งแกร่งทางการตลาดให้บริษัทของคุณโตวันโตคืน

ตัวอย่างการทำการตลาดแบบ SEO ของ Convert Digital จากเคสธุรกิจผลิตภัณฑ์เครื่องครัว

หลังจากที่ทาง Convert Digital ลงบทความ SEO จำนวน 3 บทความต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 เดือน ด้วยคีย์เวิร์ด หม้อทอดไร้น้ำมัน รีวิวหม้อทอดไร้น้ำมัน หม้อทอดพลังไอน้ำ และหม้อทอดไร้น้ำมันยี่ห้อไหนดี นี่คือผลลัพธ์ที่ได้

  • เกิด Organic Traffic จากการค้นหาผ่าน Google เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมากถึง 97.45% ใน 3 เดือน
  • อัตรา Conversion จาก SEO แต่เพียงอย่างเดียวเพิ่มขึ้นถึง 249.58%

ตัวอย่างการทำการตลาดแบบ SEM ของ Convert Digital จากเคสธุรกิจผลิตภัณฑ์เครื่องครัว

หลังจากที่ทาง Convert Digital  สร้างโฆษณา 14 แบบ และคุณสมบัติพิเศษในการปรับแต่งโฆษณาอีก 33 extensions แล้วยิงออกไปโฆษณาออกไปผ่าน Google Ads หรือ Googled Adwords ออกไป นี่คือผลลัพธ์ที่ได้

  • การแสดงผลเพิ่มขึ้น 91%
  • จำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์เพิ่ม 172%
  • เพิ่มยอดขายได้กว่า 237%

สามารถดูผลงานของ Convert Digital เพิ่มเติมได้ที่ www.convertdigital.co.th/th/bangkok-digital-marketing-agency-project/

 

จะเห็นได้ว่าการทำการตลาดออนไลน์นั้นเป็นพลังสำคัญในการทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในเวลาที่สั้นและกระชับกว่าการลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง หากคุณต้องการค้นหาว่าธุรกิจของคุณเหมาะกับการทำการตลาดออนไลน์บน Search Engine ในรูปแบบไหนดี ทาง Convert Digital เองก็พร้อมที่จะช่วยให้คำปรึกษาคุณด้วยความยินดี

Read More

Social media hashtag คืออะไร?

แฮชแท็ก คือ คำหรือวลีคำหลักที่นำหน้าด้วยแฮชแท็ก หรือที่เรียกว่าเครื่องหมายชาร์ป (#) ใช้ภายในโพสต์บนโซเชียลมีเดียเพื่อช่วยให้ผู้ที่อาจสนใจหัวข้อนั้น ๆ ของคุณ ค้นพบโพสต์หรือข้อความของคุณ ช่วยดึงดูดความสนใจไปที่โพสต์ของคุณและกระตุ้นให้เกิดการโต้ตอบระหว่างผู้สื่อสารกับผู้รับสาร

วิธีการเลือกใช้ hashtag บน Social media

Social media hashtag ถูกใช้อย่างแพร่หลายใน Twitter เป็นครั้งแรก แต่ได้กลายเป็นเรื่องธรรมดาบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่น ๆ เช่น Facebook, Instagram, TikTok, LinkedIn และ Pinterest การเรียนรู้การใช้แฮชแท็กอย่างเชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณมีวิธีที่มีประสิทธิภาพในการดึงดูดผู้ชมของคุณและเพิ่มการเข้าถึงคอนเทนต์ของคุณโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ แค่ใช้เวลาเพิ่มเติมนิดหน่อยในการเรียนรู้ลักษณะการใช้ hashtag ของแต่ละแพลตฟอร์มและให้ความสนใจกับกระแสความนิยมต่าง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น

digital-marketing-agency-bangkok-sme-social-media-tone-of-voice

เมื่อใช้วลีเป็นแฮชแท็ก คุณสะกดโดยไม่ต้องเว้นวรรค เช่น #Socialmediahashtag อาจมีตัวเลขแต่ไม่มีสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายวรรคตอน แฮชแท็กสามารถวางไว้ทั้งในตำแหน่งจุดเริ่มต้น ตรงกลาง หรือจุดสิ้นสุดของโพสต์หรือความคิดเห็นในโซเชียลมีเดียก็ยังได้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม แล้วตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของโพสต์เป็นสาธารณะ ด้วยกลยุทธ์นี้ ผู้ที่ไม่ใช่แฟนหรือผู้ติดตามของคุณจะสามารถค้นหาและมองเห็นเนื้อหาของคุณได้

 

เคล็ดลับการใช้ Social media hashtag ที่ได้รับความนิยม:

  • อย่าใช้แฮชแท็กบ่อยเกินไป จำนวนแฮชแท็กที่สามารถใช้ได้ขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มที่คุณใช้ แต่ส่วนใหญ่การใช้แฮชแท็กหนึ่งหรือสองครั้งจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าใช้จำนวนเยอะ ๆ
  • ทำให้แฮชแท็กสั้นและน่าจดจำ ดีกว่าพยายามใช้คำจำนวนมากในแท็กเดียว
  • อย่าใช้คำที่แปลกเกินไป หากคุณเลือกใช้ hashtag ที่ไม่มีใครค้นหา แท็กนั้นจะไม่เป็นประโยชน์ต่อการตลาดของคุณ
  • ใช้ Social media hashtag ที่มีรายละเอียดและเฉพาะเจาะจงจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีกว่าคำแบบกว้าง ๆ หรือคำที่มีความหมายทั่ว ๆ ไป เพราะคำกว้าง ๆ ไม่น่าจะถูกค้นหา และหากคุณใช้คำเหล่านี้ เนื้อหาของคุณก็อาจจะจมหายไป และไม่ถูกมองเห็น
Digital-marketing-agency-in-bangkok-sme-social-media-sharing

ทำไมเราถึงใช้ Social media hashtag

1. เป็นการเพิ่ม Engagement ของ Followers ของเรา: การทำเราใส่ hashtag ในโพสต์ทำให้โพสต์ของเราเป็นส่วนหนึ่งในบทสนทนาหรือหัวข้อที่กำลังพูดถึงอยู่ในขณะนั้นและเกิดการมองเห็นมากขึ้นบนโซเชียลมีเดีย นั่นเลยอาจทำให้เรามีโอกาสในการบูสต์แบรนด์ของเราผ่านทางการได้ Likes, Shares, Comments หรือแม้แต่ได้ Followers ใหม่เพิ่มมากขึ้น

2. เป็นการสร้าง Brand Awareness ด้วยการใช้ Branded hashtags: อย่างในกรณีที่เรามีแคมเปญหรือจัดงานต่าง ๆ และมีการสร้าง hashtag ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ขึ้นมา เมื่อผู้ร่วมงานมีการโพสต์รูปบนโซเชียลมีเดีย ก็อาจจะมีการใช้ hashtag ของเรา ถือเป็นการขยายการรับรู้ของแบรนด์สู่สายตาคนอื่นต่อไป

3. เป็นการใส่คำอธิบายผ่าน Hashtag บนโพสต์ Social media: เนื่องจากบางแพลตฟอร์มมีการกำหนดจำนวนคำที่เขียนหรือบางครั้งเราไม่สามารถเขียน Caption ที่ยาวเกินไปได้ ดังนั้น hashtag จึงถูกนำมาใช้ในกรณีที่ช่วยลดการพูดถึงซ้ำ ๆ หรือเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ที่เรารู้กันอยู่แล้ว

4. เป็นการช่วยให้ Audiences หาเราเจอ: ถ้าเราใช้ hashtag ที่เป็นที่นิยม Followers จะสามารถกดติดตามจาก hashtag นั้นแล้วเจอโพสต์ล่าสุดของเราบน Feed ของพวกเขาได้ ถือเป็นอีกทางหนึ่งในการได้ Follower ใหม่ด้วยเช่นกัน

ประเภทของ Hashtag ที่นิยมใช้

การใช้ hashtag เราทำเพื่อผลลัพธ์ที่ดีทางด้านการตลาดของแบรนด์ ถึงแม้ว่าเราสามารถสร้าง hashtag คำใหม่ ๆ ได้เอง แต่เราก็ต้องคำนึงถึงความเกี่ยวข้องกับโพสต์ด้วยเช่นกัน หรือแม้แต่เราสามารถใส่ hashtag ได้มากสุดถึง 30 hastags บน Instagram แต่เราอาจไม่จำเป็นต้องใส่มากขนาดนั้นก็ได้ เพราะบางครั้งอาจถูกมองว่าเป็น spam ถ้าคำที่เราใช้ดูไม่สมเหตุสมผล

ที่นี้เรามาดูประเภทของ hashtag ที่นิยมใช้ในปัจจุบันบ้างกันดีกว่า เผื่อว่าเราสามารถนำไปปรับ/เพิ่มให้กับโพสต์ของเราได้ตรงเป้าหมายมากขึ้น

  1. Branded Hashtag: เป็นการเพิ่มการจดจำชื่อแบรนด์ของเราต่อลูกค้า
  2. Product/ Service Hashtag: เป็นการบอกลักษณะสินค้าหรือบริการโดยทั่วไป ลูกค้าที่กำลังมองหาสินค้าหรือบริการของเรา สามารถค้นหาจากคำเหล่านี้ได้เลย เช่น #carcare #jewelryshop
  3. Niche Hashtag: เป็นการระบุชนิดสินค้าหรือบริการให้แคบลงมานิดนึง กลุ่มลูกค้าจะชัดเจนมากขึ้นเช่น #luxuryjewelry #finejewelry #sportcars
  4. Community Hashtag: สร้างความรู้สึกของการมีส่วนร่วมในแบรนด์หรือแคมเปญต่าง ๆ ช่วยในการสร้าง Brand Awareness รวมถึง Brand Loyalty
  5. Campaign/ Event Hashtag: อาจจะเป็นชื่อแบรนด์หรือสโลแกนของงาน ถูกใช้ในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น #bigmountainmusicfestival2020
  6. Seasonal Hashtag: เราอาจจะมีการออกโปรโมชันตามเทศกาลสำคัญต่าง ๆ หรือสร้างคอนเทนต์ตามธีมเทศกาลเหล่านี้ Hashtag ที่เกี่ยวข้องจึงถูกนำมาใช้เพื่อดึงความสนใจของ Follower เช่น #summerclearancesale #newyearpromotion
  7. Location Hashtag: ในบางครั้งเราต้องการโปรโมทงานอีเวนต์ตามสถานที่ต่าง ๆ หรือเป็นโพสต์เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว การใช้ Location Hashtag จึงถูกนำมาใช้ด้วยเช่นกัน เช่น #phuketescapes #octoberfestmunich #songkranpattaya

Social media hashtag ถูกใช้มาจนเราคุ้นชินในปัจจุบันในฐานะผู้เล่นโซเซียลมีเดีย แต่เมื่อเราต้องมามองในมุมการทำตลาดออนไลน์หรือในฐานะเจ้าของแบรนด์ ก็อาจจะมีจุดเราก็อาจนึกไม่ถึงเช่นกันว่า hashtag ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ถ้าเรามีการเลือกใช้คำอย่างดี ก็จะส่งผลที่ดีต่อแบรนด์เช่นกัน ดังนั้นเราอาจจะต้องลองหันกลับมาดูการใช้ hashtag ของเราในปัจจุบันว่ามีตรงไหนที่สามารถพัฒนาขึ้นไปได้อีกไหม ในอนาคตเราเชื่อว่า social media อาจมีฟังก์ชันหรือลูกเล่น ๆ ใหม่ ๆ มาท้าทายเราอีกแน่นอน เป็นหน้าที่ของเราที่วิ่งตามเทรนให้ทันถ้าไม่อยากตกรถ

 

Cr. https://blog.hootsuite.com/how-to-use-hashtags/

digital-marketing-agency-bangkok-sme-บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์
Read More

เมื่อ Facebook เก็บ VAT 7% บริษัทหรือบุคคลทั่วไปจะต้อง Set-up อย่างไร?

เริ่มต้นข่าวใหม่ที่ฟังดูแล้วอาจจะสร้างความ “สะเทือน” ให้กับผู้ค้าออนไลน์อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว กับข่าวการจัดเก็บภาษีหรือ VAT 7% ของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มจากต่างประเทศ ทั้ง ๆ ที่ฟังดูเผิน ๆ แล้วน่าจะดีใจด้วยซ้ำนั่นคือการประกาศกฎเหล็กออกมาใหม่ สำหรับการจัดเก็บภาษีของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างประเทศ ซึ่งเป็นการจัดเก็บภาษี e-Service แต่ความจริงแล้ว คนที่สะเทือนใจและได้รับผลกระทบน่าจะหมายถึงผู้ค้าออนไลน์ต่าง ๆ ที่ใช้ช่องทางการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านแพลตฟอร์มนั้น ๆ ไม่น่าจะใช่เจ้าของแพลตฟอร์มที่แท้จริง

กลยุทธ์การทำการตลาดออนไลน์ 2021

ทำไมผู้ค้าออนไลน์จึงได้รับผบกระทบจากการจัดเก็บภาษี e-Service

ก็เพราะผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์จากต่างประเทศนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก ไอจี Google หรือน้องใหม่อย่าง Tiktok ล้วนแล้วแต่เปิดให้บริการในไทยทั้งสิ้น ซึ่งหลายคนอาจจะฟังเผิน ๆ แล้วพูดว่า “ก็ดีนะเก็บภาษีกับแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่อย่างนี้บ้างเพื่อการแข่งขันในไทยให้เท่าเทียมกัน ไม่ใช่จัดเก็บ VAT เฉพาะผู้ให้บริการของไทยเท่านั้น แต่จัดเก็บ VAT สำหรับแพลตฟอร์มต่างชาติก็น่าจะดี” แต่ลองคิดดูให้ดี ๆ ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเหล่านี้สามารถ “ผลักภาระ” การเสีย VAT นี้มาให้ผู้ใช้โฆษณาผ่านช่องทางเหล่านี้ได้

“หลังจากที่ e-service เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 ทุกคนที่ยิงแอดในเฟซบุ๊กจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ไม่ว่าจะเป็นนิติบุคคลหรือบุคคลธรรมดา ทั้งที่จด VAT และไม่จด VAT”

คนที่จด VAT (บุคคลธรรมดา/นิติบุคคล ที่มีรายรับจากการขายสินค้าหรือให้บริการเกิน 1.8 ล้าน/ปี)

  • ให้แจ้ง Facebook ว่าเราจด VAT โดยการไปอัปเดตข้อมูลที่ Facebook Ads Manager 🡪 All tools 🡪 Billing 🡪 Payment Settings 🡪 Business Information แล้วใส่ VAT ID แล้วกดบันทึก
  • หลังจากอัปเดตข้อมูล VAT ID ของเรา Facebook จะไม่เก็บ VAT 7% จากการยิง Ads ณ ตอนนั้น แต่เราต้องนำVAT 7% ไปยื่นภาษีเองด้วยแบบ ภ.พ. 36 กับกรมสรรพากร (ยื่นไม่เกินวันที่ 7 ของเดือนถัดไป) ซึ่งสามารถทำเรื่องขอคืนภาษีได้

เช่น เรายิง Ads ไป 1,000 บาท Facebook จะเก็บเรา 1,000 บาท (ไม่รวม VAT 7%) ส่วน VAT 7% จำนวน 70 บาท เราต้องต้องยื่นกับกรมสรรพากรเอง ซึ่งสามารถขอคืนภาษีได้ภายหลัง

 

คนที่ไม่จด VAT

ในส่วนนี้เราไม่ต้องเข้าไปอัปเดตข้อมูลอะไรใน Facebook เมื่อมีการยิง Ads เกิดขึ้นจะถูก Facebook ตัดเงินอัตโนมัติโดยรวม VAT 7% จากการยิง Ads ณ เวลานั้น ซึ่งจะไม่สามารถขอคืนภาษีได้

เช่น เรายิง Ads ไป 1,000 บาท Facebook เรียกเก็บจากเรา 1,070 บาท (รวม VAT 7%) ในส่วนนี้เราไม่ต้องดำเนินการใด ๆ ต่อเพราะ Facebook จะนำส่ง VAT ให้กรมสรรพากรแทนเรา

การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ถือว่าเป็นการผลักภาระให้กับผู้ค้าออนไลน์เจ้าเล็ก ๆ หรือเจ้าของธุรกิจที่ยังไม่ได้จด VAT ซึ่งเชื่อว่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หลาย ๆ คนก็ต้อง “จำใจ” จ่ายให้อยู่ดี เพื่อให้เกิดการโฆษณาอย่างต่อเนื่องเหมือนเดิม ดังนั้นการวาง Budgetโฆษณาในตอนนี้ ต้องมีการคำนวณ Budget เผื่อไว้อีก 7% เท่ากับว่าต้นทุนเราเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีทางเลือก แต่ในแง่ของผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กหรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ นั้นย่อมไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ อยู่แล้ว

 

เมื่อเวทีการแข่งขันถูกยกระดับขึ้น มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มเข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้ที่ทำโฆษณาด้วยตัวเองและไม่ได้วัดผลจึงเสียเปรียบเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับผู้ที่มีการวางแผนการโฆษณา ทำการทดลองเจาะกลุ่มลูกค้า และมีการวัดผลที่ชัดเจน หากคุณกำลังเป็นหนึ่งในผู้ที่ทำโฆษณาเอง ใส่เงินเข้าไปแล้วก็ไม่รู้ว่าเงินก้อนนั้นทำงานให้คุณดีหรือไม่ดี การมีผู้ช่วยที่รู้ลึก รู้จริง จะช่วยทำให้คุณได้ยอดขายหรือ Leads ที่มากขึ้นกว่าเดิม ในราคาที่ถูกลงกว่าทำเอง

digital-marketing-agency-bangkok-sme-digital-trends-meeting-table
Read More

ทำไมธุรกิจโรงแรมต้องทำ SEO

คำถามที่เจ้าของธุรกิจต้องเร่งหาคำตอบ เพราะการแข่งขันทางการตลาดในปัจจุบันเป็นไปอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะธุรกิจการท่องเที่ยวที่นับวันมีการเปิดตัวโรงแรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง กลายเป็นการแข่งขันทางการตลาดแบบเสรีที่บางครั้งอาจไม่เสรีเสียทีเดียวเนื่องจากระดับการแข่งขันในปัจจุบันสูงขึ้นอย่างมาก ทั้งจากโรงแรม Chain และ Non-brand ที่มีการจัดการเป็นอย่างดี ใครมีความโดดเด่นทางการตลาดที่ดีกว่า มีสิ่งดึงดูดใจนักท่องเที่ยวได้มากกว่า ก็สามารถเรียกเรทติ้ง ทำคะแนนจากนักท่องเที่ยวได้มากกว่า

อาจจะมีโรงแรมที่ดีกว่า แต่นั่นก็ไม่ได้สร้างแรงดึงดูดลูกค้าให้เลือกใช้บริการกับเราได้

เมื่อมีการทำการตลาดรูปแบบใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการตลาดที่เรียกว่า “ ” เป็นการทำการตลาดที่เปรียบเสมือนประตูช่วยไขความต้องการของนักท่องเที่ยว และชี้นำให้นักท่องเที่ยวเหล่านั้นเข้ามาสู่ธุรกิจโรงแรมของเรา

เป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าหาสิ่งที่เขาต้องการนั่นเอง เพราะฉะนั้นแม้จะมีบางโรงแรมที่สวยน้อยกว่า มีมาตรฐานน้อยกว่า ความน่าสนใจที่น้อยกว่า แต่เมื่อมีการทำการตลาดด้วยการค้นหาวิธีการ “ดึงดูด” ลูกค้า “ได้ดีกว่า” ก็ย่อมเป็นธรรมดาที่นักท่องเที่ยวเหล่านั้นจะถูก “ดูด” ให้เข้าหาโรงแรมนั้น ๆ เป็นการเพิ่มโอกาสให้ลูกค้ารู้จักโรงแรมเรามากขึ้น

digital-marketing-agency-bangkok-sme-hotel-digital-marketing

ที่กล่าวมาเราอยากจะบอกว่า การทำ “SEO สำหรับโรงแรม” ก็เปรียบเสมือนการสร้าง “แรงดึงดูด” ให้ลูกค้าโคจรเข้าหาโรงแรมของเรา เพราะคนส่วนใหญ่หรืออาจจะเรียกได้ว่าเกิน 90% ของคนที่ต้องการค้นหาอะไรสักอย่าง ก็มักจะค้นหาผ่าน “คำค้นหา” หรือ “คีย์เวิร์ด” ผ่าน Google เพื่อตอบสนองความต้องการกันทั้งนั้น และเมื่อเรารู้ว่ามีช่องทางที่เราสามารถ “ใส่” แรงดึงดูดให้ลูกค้าเข้าหาเราได้แล้ว เราก็ควรจะทำไม่ใช่หรือ? เพราะการค้นหาที่สามารถตอบคำถามลูกค้าได้ในเบื้องต้น สามารถชี้นำให้ลูกค้าเข้ามาศึกษาต่อและตัดสินใจซื้อในขั้นต่อไป

ดังนั้นเบื้องต้นเราควรมีการทำ SEO สำหรับโรงแรมบนเว็บไซต์ของเราโดยการเลือกคีย์เวิร์ดที่คิดว่ามีคนค้นหาประมาณหนึ่ง เราสามารถใช้เครื่องมือ Google Keyword Planner ในการค้นหา Volume ของแต่ละคีย์เวิร์ดที่มีการค้นหาต่อเดือน เมื่อเลือกคีย์เวิร์ดแล้วเราก็มาสร้างบทความที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดเหล่านั้นบนเว็บไซต์ โดยการแทรกคีย์เวิร์ดเหล่านั้นในเนื้อหาบทความรวมไปถึงในหัวข้อหลักและหัวข้อย่อยอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ควรใส่เยอะจน Google มองว่าเป็น Spam แล้วที่สำคัญอย่าลืมใส่คีย์เวิร์ดใน Meta Title และ Meta Description ด้วยเช่นกัน เพราะสองส่วนนี้จะเป็นส่วนที่โชว์บน Google เมื่อตอนที่ลูกค้าต้องการค้นหาคำเหล่านั้น เว็บไซต์เราจะได้มีโอกาสโชว์บน Google ให้ลูกค้าคลิกเข้าประตูโรงแรมของเรา

บริษัทรับทำ SEO

ต่อจากนั้นเมื่อลูกค้าเห็นแพ็กเกจ/สินค้าของเราแล้ว ก็ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นนั่นเอง เพราะฉะนั้น “ขั้นแรก” ที่อาจเป็นสิ่งที่ยากที่สุดคือ การเชิญลูกค้าให้เข้ามาหน้าร้าน ซึ่ง “SEO” คือคำตอบของวิธีการเชื้อเชิญลูกค้าในขั้นแรกได้ เมื่อถึงขั้นตอนนี้ “การตัดสินใจซื้อ” ก็จะง่ายขึ้นนั่นเอง

ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปีในสายงานกับเครือโรงแรมอย่าง Hyatt, Accor, Marriott, และ Non-brand อีกหลากหลายทั้ง 3-5 ดาว Luxury ทีม Convert Digital จึงพูดภาษาโรงแรมได้เช่นเดียวกับคุณ และรู้เทคนิคในการทำให้คุณได้ Direct Booking มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากทุกช่องทาง

Read More

บริษัททำการตลาดดิจิทัลในกรุงเทพ

การทำการตลาดมีความสำคัญต่อทุกธุรกิจมาอย่างช้านาน หากคิดดี ๆ แล้ว การทำการตลาดด้วยเนื้อหาหรือการสร้าง Content ที่เหมาะสมสามารถโปรโมทสินค้าและแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักได้ง่ายและกว้างขึ้น เป็นการเปิดตลาดให้แบรนด์เข้าไปอยู่ในความรู้จักของลูกค้าได้ดีขึ้น ในอดีตบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่าง เบญจามิน แฟรงคลิน ก็ได้ใช้กลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อโปรโมทธุรกิจของเขาเช่นกัน โดยเขาทำการตลาดเพื่อแนะนำธุรกิจของเขาเริ่มต้นตั้งแต่ในปี ค.ศ.1739

ถัดมาอีก 300 ปี จนถึงปัจจุบันแม้กระทั่งเข้าสู่ยุคออนไลน์เต็มตัวในปี 2021 นี้แล้ว การทำการตลาดในปัจจุบันยิ่งกลายเป็น “สิ่งสำคัญ” สำหรับการทำธุรกิจไปแล้ว เพราะมีการใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตในการติดต่อสื่อสารกันเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งการติดต่อพูดคุยทำความรู้จักกัน ทำให้ช่องทางการตลาดบนโลกออนไลน์กลายเป็นอาวุธที่สำคัญของนักธุรกิจ เพราะมากกว่า 70% ของลูกค้าที่ต้องการค้นหาสินค้า/บริการต่าง ๆ ล้วนศึกษาและหาข้อมูลของแบรนด์สินค้าผ่านช่องทางการตลาดบนโลกออนไลน์ เนื่องจากในปัจจุบันมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากจำนวนประชากรโลกทั้งหมดนั้น มีจำนวนมากถึง 59% ของจำนวนประชากรโลกทั้งหมดที่เข้าถึงการใช้บริการผ่านระบบอินเทอร์เน็ต นั่นหมายความว่ามีการใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา

การทำการตลาดออนไลน์มีความสำคัญอย่างไร?

จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นแล้วว่า การทำการตลาดในยุคนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นการทำการตลาดออนไลน์(การตลาดดิจิทัล) ที่สามารถสร้างการ “เข้าถึง” ของลูกค้าให้เกิดความหลากหลายและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เพราะจำนวนลูกค้าที่ต้องการค้นหาสินค้าบางอย่างที่ตนต้องการนั้น มีจำนวนมากถึง 90% ที่ศึกษาข้อมูลจากประโยชน์ที่ตนจะได้รับจากสินค้านั้น ๆ ผ่านการนำเสนอเนื้อหาหรือ Content ที่น่าสนใจ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถช่วยให้เขาตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น ซึ่งการทำการตลาดดิจิทัลสามารถตอบโจทย์ในองค์ประกอบที่สำคัญข้างต้นได้ ทำให้การตลาดออนไลน์มีบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้นในการดำเนินธุรกิจต่าง ๆ

digital-marketing-agency-bangkok-sme-social-media

การทำการตลาดสามารถช่วยโปรโมทสินค้า/บริการ/ธุรกิจของคุณได้ อีกทั้งยังเป็นการเปิดกว้างทางการตลาดจากรูปแบบออฟไลน์แบบเดิม ๆ ให้ “ดิ้นได้” เป็นการทำการตลาดที่สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และ “เข้าถึง” ได้อย่างเหมาะสม และที่สำคัญยังสามารถเพิ่มกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดให้เกิดความจำเพาะที่เหมาะสมได้ด้วยตนเอง เรียกได้ว่าเป็นการ “ยกระดับ” การทำการตลาดจากรูปแบบเดิม ๆ ที่ไม่ใช่เพียงแค่ลูกค้าเป็นผู้เลือกที่จะเข้าถึงธุรกิจของเราเท่านั้น หากแต่เจ้าของธุรกิจนั้นเองก็สามารถพิจารณา “เลือก” ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ได้ด้วยตัวเอง นี่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่สามารถพลิกกลยุทธ์ทางการตลาดจากรูปแบบเดิม ๆ ให้น่าสนใจยิ่งขึ้น

ซึ่งเราคือบริษัททำการตลาดดิจิทัลในกรุงเทพที่เปรียบเสมือน “เทรนเนอร์” ที่ช่วยเทรนกลยุทธ์ทางการตลาดสำหรับการทำการตลาดดิจิทัลให้กับทุกธุรกิจ เพราะการทำการตลาดออนไลน์หรือดิจิทัลนั้นต้องมีวิธีการทำที่ต้องมีการศึกษาข้อมูลมาเป็นอย่างดี การเปรียบเทียบข้อมูลทางการตลาดและการทำการตลาดกับคู่แข่งที่ต้องมีการทำการบ้านค่อนข้างหนักหน่วง เพราะทำการตลาดอย่างไม่มีประสิทธิภาพก็เท่ากับเป็นการลงทุนโดยเปล่าประโยชน์ ไม่ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ ดังนั้นหากต้องการทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพก็จำเป็นต้องเลือกใช้ผู้ให้บริการที่มีความเป็นมืออาชีพที่สามารถสร้างมาตรฐานการตลาดให้กับธุรกิจได้อย่างมีคุณภาพด้วย

digital-marketing-agency-bangkok-sme-audience

กลุ่มผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตแฝงตัวอยู่ในทุกช่วงอายุ ควรรีบตักตวงช่องทางการตลาดดิจิทัลไว้ให้ได้มากที่สุด

จากการศึกษาพบว่าช่วงอายุของผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต มีการใช้อินเทอร์เน็ตในชีวิตประจำวันทั้งการหาข้อมูลต่าง ๆ การเลือกรับชมรายการบันเทิงต่าง ๆ แทบทุกช่วงอายุ โดยอยู่ในกลุ่มวัยทำงานมากถึง 50% แต่ก็มีจำนวนสูงถึง 32% ที่อยู่ในกลุ่มช่วงอายุ 25 ถึง 34 ปี จึงเห็นแล้วว่าการทำการตลาดสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทุกเพศและทุกช่วงอายุ ดังนั้นการทำการตลาดดิจิทัลจึงสามารถยกระดับกลยุทธ์การตลาดให้กับทุกธุรกิจได้ง่ายขึ้น

หากคุณกำลังมองหาบริษัททำการตลาดดิจิทัลในกรุงเทพแล้วล่ะก็ Convert Digital ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่สามารถแนะนำคุณได้เป็นอย่างดี เพราะเรามีการหาข้อมูล ศึกษาองค์ประกอบในทุก ๆ ด้านของการทำการตลาดดิจิทัล เพราะอย่างที่บอกว่าการทำการตลาดออนไลน์ที่ดีนอกจากต้องดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้แล้ว ยังต้องสามารถปรับเปลี่ยนได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นเพื่อรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วได้ตลอดเวลานั่นเอง

ที่เดียวจบ ครบวงจร เสมือนจ้างฝ่ายการตลาดมากประสบการณ์ในราคาพนักงานประจำเพียงท่านเดียว: https://www.convertdigital.co.th/th/all-in-one-digital-marketing-services

Read More

รับดูแลเพจเฟซบุ๊ก การลงทุนให้เพจของคุณไม่เหงาอีกต่อไป

Best Digital Marketing Agency in Bangkok Creative services

รับดูแลเพจเฟสบุ๊ค การลงทุนให้เพจของคุณไม่เหงาอีกต่อไป

ถ้าหากพูดถึงการซื้อขายสินค้าต่าง ๆ ในยุคนี้นั้น คนส่วนใหญ่ที่ต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน คนทำงานที่ Work from Home รวมทั้งคนที่กำลังว่างงานที่ถูกสภาพแวดล้อมของสังคมหล่อหลอมให้ต้องใช้อินเทอร์เน็ตมากขึ้น ไม่ว่าจะใช้เพื่อส่งข้อความ การโทรศัพท์ หรือแม้แต่การชอปปิ้ง โดยส่วนมากผู้คนก็จะซื้อขายผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยหนึ่งในแพลตฟอร์มหลักที่นิยมใช้ในการซื้อขายก็คือ Facebook เพราะ Facebook นับว่าเป็นแพลตฟอร์มใหญ่ที่มีคนใช้งานเยอะมากที่สุดในบ้านเรา เป็นจำนวนหลายล้านคน ดังนั้นการซื้อขายผ่าน Facebook จึงมีกระแสเงินหมุนไหลเวียนตลอดเวลา และด้วยเหตุที่ว่าเจ้าของแบรนด์บางคนอาจจะไม่มีเวลามากพอที่จะดูแลช่องทางการขายอย่างเพจ Facebook จึงได้เกิดบริการรับดูแลเพจเฟซบุ๊กขึ้นมา เพื่อใช้ในการทำตลาดออนไลน์นั่นเอง

บริการรับดูแลเพจเฟซบุ๊กนั้น ได้มีคนทำมาแล้วเมื่อประมาณช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยคนที่รับดูแลนั้นจะคอยดูแลเรื่องการทำตลาดออนไลน์ให้กับสินค้าของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการยิงโฆษณาบน Facebook การทำคอนเทนต์ การเขียนข้อความสำหรับโพส การทำวิดีโอ การทำอินโฟกราฟิก รวมไปถึงการตอบแชท รับออเดอร์สินค้า ผู้รับดูแลก็จะบริการให้อย่างครบวงจร

ที่ Convert Digital เราได้รับดูแลเพจ Facebook มามากมายให้กับเจ้าของแบรนด์ทั้งเจ้าเล็กและเจ้าใหญ่ เรารับดูแลการตลาดออนไลน์แบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณา การทำคอนเทนต์ ทั้งรูปภาพ วิดีโอ หรือการทำแผนการตลาดออนไลน์เพื่อเรียกยอดผู้เข้าชมไปจนถึงเพิ่มยอดขายสินค้าด้วย ถ้าคุณเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่กำลังมองหาผู้ที่จะช่วยรับดูแลเพจเฟซบุ๊กของคุณแล้วล่ะก็ Convert Digital จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของคุณตอนนี้แน่นอน

Read More

วางแผนการตลาดออนไลน์ในยุคโควิด

วางแผนการตลาดออนไลน์อย่างไร ให้ธุรกิจไปต่อได้ในยุคโควิด?

จะวางแผนการตลาดออนไลน์อย่างไรในยุคโควิด? ผ่านมาแล้วเกือบ 2 ปี กับยุคที่เศรษฐกิจไทยสามารถพูดได้ว่าตกต่ำครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าปลีก แม่ค้าออนไลน์ องค์กร ไปจนถึงบริษัทข้ามชาติ ภาพรวมของการค้าขายทั้งในและนอกประเทศที่ต่างก็ฝืดเคืองด้วยผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด-19 ที่มาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและพฤติกรรมผู้บริโภคให้หันมาซื้อขายออนไลน์กันมากขึ้น ธุรกิจที่มีหน้าร้านก็เริ่มมีความเสี่ยงที่ต้องปิดจากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ ธุรกิจที่เคยคิดว่ามั่นคงหรือส่งออกต่างประเทศก็มีปัญหาไปตาม ๆ กัน ในฐานะผู้ประกอบการ คุณควรมีการวางแผนการตลาดออนไลน์ที่เหมาะสม มีการเปลี่ยนกลยุทธ์ไปอย่างสิ้นเชิงเพื่อให้ไปต่อได้ แต่จะทำอย่างไร เมื่อยอดขายลดลง ค่าใช้จ่ายก็ต้องลด?

วันนี้เราขอเชิญคุณลองปรับแผนการตลาดออนไลน์ ด้วยแนวคิดง่าย ๆ เพียง 3 ข้อ ที่คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงทันทีครับ

  1. กำหนดเป้าหมายลูกค้า Targeting
  2. กำหนด Channel ที่เหมาะสมกับลูกค้า
  3. กำหนดการวัดผลที่เหมาะสม
Digital-marketing-agency-in-bangkok-sme-digital-marketing-plan-in-Covid-19-list

กำหนดเป้าหมายลูกค้าตามแผนการตลาดออนไลน์ของคุณ

สำหรับการวางแผนการตลาดออนไลน์ที่ดีนั้น อย่างแรกที่ทุกองค์กรจะนึกถึงเลยก็คือการตั้งทาร์เก็ตลูกค้า หรือกลุ่มลูกค้าที่ต้องการจะขายให้แน่ชัด โดยเราแนะนำให้คุณกำหนดขอบเขตของลูกค้าออกมาให้ชัดเจนที่สุด ไม่ว่าจะเป็น เพศ อายุ หรือแม้แต่อาชีพ สำหรับแต่ละไลน์สินค้าของคุณ

ยิ่งกำหนดกลุ่มลูกค้าได้ละเอียดชัดเจนเท่าไหร่ ยิ่งจะส่งผลอย่างมากเมื่อคุณจะต้องนำมาทำโฆษณาจริง ๆ บน channel ออนไลน์ต่าง ๆ นอกจากนี้ต้องมีจุดแข็ง จุดอ่อนของแบรนด์ที่ชัดเจนเพื่อให้สามารถสื่อสารออกมาได้อย่างน่าสนใจกว่าคู่แข่ง จากนั้นก็เพิ่มกลยุทธ์ทางการตลาดเข้าไปไม่ว่าจะเป็นการลด แลก แจก แถมต่าง ๆ ตามความสนใจของกลุ่มลูกค้าที่กำหนดนั้น ๆ ของคุณ บางเจ้าก็ว่าจ้างบริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ครบวงจรให้ช่วย research ข้อมูลและดำเนินการในส่วนนี้เพื่อย่นระยะเวลาและทุนทรัพย์ในการจ้างผู้เชี่ยวชาญเป็นพนักงานในสถานการณ์เช่นนี้

กำหนดช่องทางการขาย (Channel) ที่เหมาะสมกับลูกค้า

ช่องทางการขายแต่ละช่องทางให้ผลไม่เหมือนกัน คุณในฐานะผู้ตัดสินใจควรทราบว่าช่องทางใดให้ผลอย่างไร และกลุ่มคนที่อยู่ในช่องทางนั้น ๆ เป็นกลุ่มคนประเภทใด เช่น กลุ่มคนที่เล่น Instagram มักจะมีกำลังซื้อโดยรวมที่สูงกว่า Facebook ในหมวดอาหารและไลฟ์สไตล์ หรือการใช้ Google Ads จะให้ผลดีเป็นพิเศษในธุรกิจที่ลูกค้าต้องการความเร่งด่วน เช่น ซ่อมรถ เปลี่ยนแบตเตอรี่รถ เนื่องจากลูกค้ากว่า 90% จะค้นหาบน Google ว่ามีธุรกิจใดให้บริการในขณะนั้นบ้าง หรือหากคุณต้องพูดคุยกับลูกค้าเยอะ การทำ Line OA ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าเร่งทำก่อนช่องทางอื่น ๆ

กำหนดการวัดผลที่เหมาะสม ไม่ใช่แค่ยอดขายอย่างเดียว

ตัวนี้เป็นกับดักของผู้บริหารซึ่งยึดโยงกับยอดขายเป็นหลัก จริงอยู่ที่ยอดขายเป็นเรื่องสำคัญ แต่การทำการตลาดออนไลน์นั้นให้ผลได้มากกว่ามิติเดียว หากคุณเป็นแบรนด์เกิดใหม่ในตลาด เป้าหมายของคุณในการทำโฆษณาบน Google หรือ Social media อาจจะไม่ใช่ยอดขาย แต่ควรจะเป็น Impression share และ Reach ยกตัวอย่างเช่น สินค้าตัวใหม่ของคุณไม่มียอดขายเลยใน 2 เดือนแรก แต่คุณได้รับ impression share สูงถึง 80% ในตลาด นั่นก็แปลได้ว่าคุณประสบความสำเร็จในการยึดพื้นที่ที่ลูกค้าควรเห็นได้แล้ว เพียงแต่ปัญหาอาจจะอยู่ที่สินค้าและความใหม่ของแบรนด์ลูกค้าจึงยังไม่พิจารณาซื้อ

การวัดผลหลัก ๆ มีดังนี้

  • ROI (Return on investment): มีหน่วยเป็นเท่า เช่น ROI = 3 หมายความว่าลงทุนไป 1 บาท ได้เงินกลับคืนมา 3 บาท เป็นต้น จะใช้เพื่อประมาณทุกแคมเปญโดยรวมว่าสร้างรายได้คืนให้ธุรกิจได้หรือไม่ เท่าไหร่
  • Impression share: เป็น metric ที่วัดบน Google Ads ซึ่งบอกได้ว่าเมื่อลูกค้าคนหาเกี่ยวกับธุรกิจคุณ 100 ครั้ง โฆษณาของคุณจะแสดงผลกี่ครั้ง หากมีค่ายิ่งใกล้ 100% ยิ่งเป็นผลดี
  • Reach และ Impression: Reach คือจำนวนคนที่เห็นโพสต์และโฆษณาของคุณ ส่วน Impression คือจำนวน “ครั้ง” ที่เห็น เช่น คน 1 คน เห็น 2 ครั้ง ก็จะนับได้เป็น 1 Reach 2 impression เป็นต้น
  • CTR (Click-through-rate): ลูกค้า 100 คน คลิกเข้ามาที่เว็บไซต์ของคุณกี่คน วัดผลเป็น % เช่น CTR = 5% คือทุก ๆ 100 คน คลิกโฆษณาของคุณ 5 คน
  • Conversion Rate: ลูกค้าทุก ๆ 100 คน แล้วซื้อสินค้า หรือสนใจใช้บริการธุรกิจคุณกี่คน วัดผลเป็น % เช่น 2% 5% เป็นต้น

การวางแผนการตลาดนั้น สำหรับยุคโควิด-19 ต้องใช้ความรู้ความเข้าใจในกระบวนการ จนเกิดเป็นความเชี่ยวชาญ เพื่อที่จะกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ช่องทาง และวัดผลได้ชัดเจน ดังนั้นการหมั่นหาความรู้ และการสังเกตเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเจ้าของแบรนด์มือใหม่ หรือเจ้าของแบรนด์ที่ต้องการเพิ่มกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น คีย์หลักของการทำแผนการตลาดออนไลน์คือการคิดให้รอบด้าน เพื่อที่จะดึงดูดกลุ่มเป้าหมายของคุณให้ได้มากที่สุด เพราะเพียงแค่การหยุดดูเพียง 1 วินาที ก็สามารถบ่งชี้ถึงคุณภาพของการทำการตลาดได้ ดังนั้นการใช้เงินลงทุนทุกบาท ต้องมีการเน้นเฉพาะช่องทาง ไม่สามารถเลือกลงทุนแบบหว่านแหได้อีกต่อไป

Read More