วางแผนการตลาดออนไลน์อย่างไร ให้ธุรกิจไปต่อได้ในยุคโควิด?
จะวางแผนการตลาดออนไลน์อย่างไรในยุคโควิด? ผ่านมาแล้วเกือบ 2 ปี กับยุคที่เศรษฐกิจไทยสามารถพูดได้ว่าตกต่ำครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าปลีก แม่ค้าออนไลน์ องค์กร ไปจนถึงบริษัทข้ามชาติ ภาพรวมของการค้าขายทั้งในและนอกประเทศที่ต่างก็ฝืดเคืองด้วยผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด-19 ที่มาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและพฤติกรรมผู้บริโภคให้หันมาซื้อขายออนไลน์กันมากขึ้น ธุรกิจที่มีหน้าร้านก็เริ่มมีความเสี่ยงที่ต้องปิดจากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ ธุรกิจที่เคยคิดว่ามั่นคงหรือส่งออกต่างประเทศก็มีปัญหาไปตาม ๆ กัน ในฐานะผู้ประกอบการ คุณควรมีการวางแผนการตลาดออนไลน์ที่เหมาะสม มีการเปลี่ยนกลยุทธ์ไปอย่างสิ้นเชิงเพื่อให้ไปต่อได้ แต่จะทำอย่างไร เมื่อยอดขายลดลง ค่าใช้จ่ายก็ต้องลด?
วันนี้เราขอเชิญคุณลองปรับแผนการตลาดออนไลน์ ด้วยแนวคิดง่าย ๆ เพียง 3 ข้อ ที่คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงทันทีครับ
- กำหนดเป้าหมายลูกค้า Targeting
- กำหนด Channel ที่เหมาะสมกับลูกค้า
- กำหนดการวัดผลที่เหมาะสม
กำหนดเป้าหมายลูกค้าตามแผนการตลาดออนไลน์ของคุณ
สำหรับการวางแผนการตลาดออนไลน์ที่ดีนั้น อย่างแรกที่ทุกองค์กรจะนึกถึงเลยก็คือการตั้งทาร์เก็ตลูกค้า หรือกลุ่มลูกค้าที่ต้องการจะขายให้แน่ชัด โดยเราแนะนำให้คุณกำหนดขอบเขตของลูกค้าออกมาให้ชัดเจนที่สุด ไม่ว่าจะเป็น เพศ อายุ หรือแม้แต่อาชีพ สำหรับแต่ละไลน์สินค้าของคุณ
ยิ่งกำหนดกลุ่มลูกค้าได้ละเอียดชัดเจนเท่าไหร่ ยิ่งจะส่งผลอย่างมากเมื่อคุณจะต้องนำมาทำโฆษณาจริง ๆ บน channel ออนไลน์ต่าง ๆ นอกจากนี้ต้องมีจุดแข็ง จุดอ่อนของแบรนด์ที่ชัดเจนเพื่อให้สามารถสื่อสารออกมาได้อย่างน่าสนใจกว่าคู่แข่ง จากนั้นก็เพิ่มกลยุทธ์ทางการตลาดเข้าไปไม่ว่าจะเป็นการลด แลก แจก แถมต่าง ๆ ตามความสนใจของกลุ่มลูกค้าที่กำหนดนั้น ๆ ของคุณ บางเจ้าก็ว่าจ้างบริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ครบวงจรให้ช่วย research ข้อมูลและดำเนินการในส่วนนี้เพื่อย่นระยะเวลาและทุนทรัพย์ในการจ้างผู้เชี่ยวชาญเป็นพนักงานในสถานการณ์เช่นนี้
กำหนดช่องทางการขาย (Channel) ที่เหมาะสมกับลูกค้า
ช่องทางการขายแต่ละช่องทางให้ผลไม่เหมือนกัน คุณในฐานะผู้ตัดสินใจควรทราบว่าช่องทางใดให้ผลอย่างไร และกลุ่มคนที่อยู่ในช่องทางนั้น ๆ เป็นกลุ่มคนประเภทใด เช่น กลุ่มคนที่เล่น Instagram มักจะมีกำลังซื้อโดยรวมที่สูงกว่า Facebook ในหมวดอาหารและไลฟ์สไตล์ หรือการใช้ Google Ads จะให้ผลดีเป็นพิเศษในธุรกิจที่ลูกค้าต้องการความเร่งด่วน เช่น ซ่อมรถ เปลี่ยนแบตเตอรี่รถ เนื่องจากลูกค้ากว่า 90% จะค้นหาบน Google ว่ามีธุรกิจใดให้บริการในขณะนั้นบ้าง หรือหากคุณต้องพูดคุยกับลูกค้าเยอะ การทำ Line OA ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าเร่งทำก่อนช่องทางอื่น ๆ
กำหนดการวัดผลที่เหมาะสม ไม่ใช่แค่ยอดขายอย่างเดียว
ตัวนี้เป็นกับดักของผู้บริหารซึ่งยึดโยงกับยอดขายเป็นหลัก จริงอยู่ที่ยอดขายเป็นเรื่องสำคัญ แต่การทำการตลาดออนไลน์นั้นให้ผลได้มากกว่ามิติเดียว หากคุณเป็นแบรนด์เกิดใหม่ในตลาด เป้าหมายของคุณในการทำโฆษณาบน Google หรือ Social media อาจจะไม่ใช่ยอดขาย แต่ควรจะเป็น Impression share และ Reach ยกตัวอย่างเช่น สินค้าตัวใหม่ของคุณไม่มียอดขายเลยใน 2 เดือนแรก แต่คุณได้รับ impression share สูงถึง 80% ในตลาด นั่นก็แปลได้ว่าคุณประสบความสำเร็จในการยึดพื้นที่ที่ลูกค้าควรเห็นได้แล้ว เพียงแต่ปัญหาอาจจะอยู่ที่สินค้าและความใหม่ของแบรนด์ลูกค้าจึงยังไม่พิจารณาซื้อ
การวัดผลหลัก ๆ มีดังนี้
- ROI (Return on investment): มีหน่วยเป็นเท่า เช่น ROI = 3 หมายความว่าลงทุนไป 1 บาท ได้เงินกลับคืนมา 3 บาท เป็นต้น จะใช้เพื่อประมาณทุกแคมเปญโดยรวมว่าสร้างรายได้คืนให้ธุรกิจได้หรือไม่ เท่าไหร่
- Impression share: เป็น metric ที่วัดบน Google Ads ซึ่งบอกได้ว่าเมื่อลูกค้าคนหาเกี่ยวกับธุรกิจคุณ 100 ครั้ง โฆษณาของคุณจะแสดงผลกี่ครั้ง หากมีค่ายิ่งใกล้ 100% ยิ่งเป็นผลดี
- Reach และ Impression: Reach คือจำนวนคนที่เห็นโพสต์และโฆษณาของคุณ ส่วน Impression คือจำนวน “ครั้ง” ที่เห็น เช่น คน 1 คน เห็น 2 ครั้ง ก็จะนับได้เป็น 1 Reach 2 impression เป็นต้น
- CTR (Click-through-rate): ลูกค้า 100 คน คลิกเข้ามาที่เว็บไซต์ของคุณกี่คน วัดผลเป็น % เช่น CTR = 5% คือทุก ๆ 100 คน คลิกโฆษณาของคุณ 5 คน
- Conversion Rate: ลูกค้าทุก ๆ 100 คน แล้วซื้อสินค้า หรือสนใจใช้บริการธุรกิจคุณกี่คน วัดผลเป็น % เช่น 2% 5% เป็นต้น
การวางแผนการตลาดนั้น สำหรับยุคโควิด-19 ต้องใช้ความรู้ความเข้าใจในกระบวนการ จนเกิดเป็นความเชี่ยวชาญ เพื่อที่จะกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ช่องทาง และวัดผลได้ชัดเจน ดังนั้นการหมั่นหาความรู้ และการสังเกตเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเจ้าของแบรนด์มือใหม่ หรือเจ้าของแบรนด์ที่ต้องการเพิ่มกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น คีย์หลักของการทำแผนการตลาดออนไลน์คือการคิดให้รอบด้าน เพื่อที่จะดึงดูดกลุ่มเป้าหมายของคุณให้ได้มากที่สุด เพราะเพียงแค่การหยุดดูเพียง 1 วินาที ก็สามารถบ่งชี้ถึงคุณภาพของการทำการตลาดได้ ดังนั้นการใช้เงินลงทุนทุกบาท ต้องมีการเน้นเฉพาะช่องทาง ไม่สามารถเลือกลงทุนแบบหว่านแหได้อีกต่อไป