บริษัทรับทำโซเซียลมีเดียดีกว่าการทำกันเองอย่างไร? เมื่อโซเซียลมีเดียถือเป็นช่องทางที่ไม่ว่าใคร ๆ ต่างเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย จนทำให้บทบาทของโซเชียลมีเดียในปัจจุบันสามารถสร้างยอดขายหรือทำให้ทุกธุรกิจเป็นที่รู้จักในโลกออนไลน์ได้ กล่าวคือการตลาดออนไลน์บนโซเชียลมีเดียถือเป็นช่องทางแห่งโอกาสที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาผ่าน facebook, Instagram, Line OA ฯลฯ แถมหากมีผู้ที่สนใจในสินค้าและบริการของคุณ ลูกค้าก็สามารถเข้าถึงสินค้า ข้อมูล หรือแม้แต่พูดคุยกับแอดมินของคุณได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันเกือบทุกธุรกิจหันมาทำการตลาดผ่านโซเซียลมีเดียทำให้มีการแข่งขันที่สูงขึ้นมาก การตลาดออนไลน์ของคุณจึงควรมีกลยุทธ์ที่วางแผนมาอย่างดีว่าจะวางแบรนด์แบบไหน โฆษณาอย่างไร ใช้งบเท่าไหร่ คาดหวังผลลัพธ์อะไรได้บ้าง เพื่อทำให้ธุรกิจของคุณตรงใจกลุ่มลูกค้าและโดดเด่นเหนือคู่แข่ง บางครั้งการที่คุณทำเองนั้นก็จะขาดประสบการณ์รวมถึงการวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งที่ทำให้คุณต้องเสียเวลา เสียเงินลงทุนอย่างไม่อาจวัดผลได้ หรือการ structure วิธีทดสอบได้ไม่ดีพอ จนไม่สามารถรู้ได้ว่าควรเพิ่ม ลด หรือหยุดลงทุนดี
ประกอบกับความซับซ้อนของ platform ต่าง ๆ ในปัจจุบัน รวมถึงความขาดประสบการณ์ของบุคลากรในหลาย ๆ ธุรกิจ บริษัทรับทำโซเชียลมีเดียของเราจึงเป็นทางเลือกที่ลูกค้าหลายท่านใช้เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานประจำที่เชี่ยวชาญในด้านการตลาดออนไลน์ เพื่อมาจ้างทีมงานที่ครบครัน พร้อมประสบการณ์กว่า 10 ปี มาช่วยคุณทำการตลาดออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดียและช่องทางอื่น ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ วัดผลได้ และใช้เงินในการโฆษณาให้เกิดประโยชน์สูงสุดตั้งแต่เดือนแรกที่เริ่มงาน
เพราะเข้าใจธุรกิจ จึงสื่อสารได้ดีกว่า
การทำการตลาดออนไลน์บนโซเชียลมีเดียจำเป็นจะต้องเข้าใจในตัวธุรกิจควบคู่ไปกับความเชี่ยวชาญในการใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ในบริการของบริษัทรับทำโซเชียลมีเดียของเราจะรวมบริการที่ปรึกษาไว้แล้ว ตั้งแต่การวางแผนกลยุทธ์ กำหนด KPI ร่วมกับแบรนด์ของคุณ วาง Mood & tone ไปจนกระทั่งการเปรียบเทียบคู่แข่งทั้งคู่แข่งทางตรงและคู่แข่งทางอ้อม ทำให้พวกเราเข้าใจในธุรกิจของคุณไม่ต่างจากการจ้างพนักงานประจำ และยังสามารถสื่อสารจุดเด่นของคุณออกมาบนโลกโซเชียลได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
Tone Of Voice ในโซเซียลมีเดีย
Tone of voice คือเสียงของแบรนด์คุณ ซึ่งรวมไปถึงคำที่เลือกใช้ วิธีการพูด ไปจนถึงบุคลิกของแบรนด์ที่สื่อสารออกมาบนโลกออนไลน์ในโซเซียลมีเดีย หรือรูปแบบอื่นใดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะคุณ มีทั้งที่เป็นทางการหรือไม่เป็นทางการก็ได้ การกำหนด Tone of voice ถือเป็นการตอกย้ำตัวตนของแบรนด์ หรือแสดงถึงอารมณ์ที่แบรนด์ต้องการสื่อไปสู่กลุ่มลูกค้าที่สนใจในสินค้าและบริการของคุณ อาทิเช่น แบรนด์สินค้าที่เป็นของขวัญที่ใช้มอบให้แก่คนสนิท ควรใช้รูปแบบที่ไม่เป็นทางการ มีภาษาพูดที่ฟังดูเป็นกันเองและอบอุ่น ถ้อยคำและประโยคที่เลือกใช้มีความขี้เล่น ทันสมัย เป็นต้น
Mood & Tone ของงานกราฟิคกับการสื่อสารในโซเซียลมีเดีย
Mood & tone ของรูปภาพจัดเป็น First Impression ที่สามารถสร้างความประทับใจหรือเป็นที่จดจำให้กับธุรกิจของคุณได้บนโลกของโซเชียลมีเดีย ดังนั้นการกำหนด Mood & tone ของภาพและแบรนด์จะต้องทำให้ผู้เห็นรับรู้ถึงอารมณ์ของภาพที่คุณต้องการสื่อออกไปได้ ซึ่งพวกเราจะมีการร่วมกำหนด Mood & tone ของงานกราฟิคไปร่วมกันกับคุณ มี mock up ให้ดูเป็นตัวอย่าง เห็นภาพก่อนตัดสินใจ พร้อมช่วยเป็นที่ปรึกษาให้กับทีมกราฟิค in-house ในแบรนด์ของคุณเพื่อให้งานกราฟิคที่สื่อออกมาบนโซเชียลมีเดียออกมาสอดคล้องกับแบรนด์ของคุณอย่างแท้จริง
กำหนดกลุ่มเป้าหมายถูกเท่ากับถึงเส้นชัยแล้ว
การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการจะสื่อสารผ่านการโฆษณาออกไปได้ตรงกลุ่มย่อมหมายถึงคุณได้เข้าถึงเส้นชัยในครั้งนี้แล้ว เพราะถึงแม้ว่าคุณจะทำภาพกราฟิค วิดีโอ หรือ Content ดีมากเพียงใด แต่ถ้าไม่สามารถทำให้คนกลุ่มที่ชื่นชอบสินค้าและบริการของธุรกิจของคุณเห็นได้ ย่อมไม่สามารถสร้างรายได้ให้กับธุรกิจคุณ จากประสบการณ์ที่บริษัทรับทำโซเชียลมีเดียของเราได้ทำโฆษณา กำหนดเป้าหมายมาเกือบทุกกลุ่มธุรกิจทั้งเล็กและใหญ่ เราจึงสามารถวางกลยุทธ์ วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายที่ชื่นชอบสินค้าและบริการธุรกิจของคุณอย่างแม่นยำ มีวิธีการเปรียบเทียบกลุ่มเป้าหมาย วัดผลเป็นตัวเลขได้อย่างชัดเจน โดยจำแนกกลุ่มเป้าหมายของคุณได้ดังนี้
- ถิ่นที่อยู่ ทั้งในประเทศหรือต่างประเทศ
- ลักษณะนิสัย ความชื่นชอบ อายุ หรืออยู่ในกลุ่มอาชีพใด
- กลุ่มเป้าหมายที่เคยสนใจและเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณในอดีต (Retargeting)
- หากลุ่มบุคคลที่ชื่นชอบหรือมีลักษณะคล้าย ๆ กัน (Lookalike Audience) จากการใช้ข้อมูล Database ของลูกค้าเดิมในส่วนอีเมลและเบอร์โทรศัพท์ หรือกลุ่มที่ชื่นชอบสินค้าของคุณจากการทำโฆษณาก่อนหน้านี้
- อีกหลากหลายวิธีซึ่งเราใช้ร่วมกันกับวิธีข้างต้น
การกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ตรงกลุ่มจะต้องอาศัยเวลาและประสบการณ์ในการศึกษากลุ่มเป้าหมายและวิธีการทำการตลาดออนไลน์บนโซเชียลมีเดียค่อนข้างมาก แต่คุณสามารถย่นเวลาในการศึกษาด้วยตนเอง พร้อมเรียนรู้ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นด้วยการทำงานและเรียนรู้ไปพร้อมกับเรา
การวัดผลในโซเซียลมีเดีย
เมื่อคุณได้ลงทุนลงแรงไปกับโซเซียลมีเดียแล้ว สิ่งต่อมาที่คุณจะต้องทำคือการวัดผลออกมาเป็นตัวเลข และการประเมินประสิทธิผลเพื่อวางแผนหรือปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ต่อไป โดยการวิเคราะห์ในแต่ละธุรกิจอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของการทำโฆษณานั้นๆ เช่น
- Awareness ต้องการทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จัก จะต้องวัดผลจาก People Reached ว่ากลุ่มเป้าหมายเห็นทั้งหมดกี่คน เราสามารถทำให้คนเห็นโพสต์ของธุรกิจคุณได้หลักล้านด้วยเงินเพียงหลักหมื่นเท่านั้น
- Engagement ใช้วัดจำนวนผู้ที่สนใจในโพสต์หรือสิ่งที่คุณนำเสนอ เพิ่มยอดไลค์ คอมเมนต์ แชร์
- Website Traffic ใช้วัดจำนวนลูกค้าที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ เพื่อไปซื้อสินค้าหรือลงทะเบียนสมัครสมาชิกบนเว็บไซต์คุณอีกที
- Message ใช้วัดจำนวนลูกค้าที่ติดต่อผ่านช่องทาง Inbox เพจ เพื่อปิดการขายในหน้า inbox ที่คุณสามารถจะแนะนำรายละเอียดสินค้าของคุณ รวมถึงตั้ง automated message ช่วยขายได้อีกด้วย
โดยทุกอย่างที่กล่าวมานั้นเราสามารถวัดผลออกเป็นตัวเลขได้ ว่าการใช้เงินของคุณทุกบาท ได้ผลลัพธ์อย่างไร เกิดยอดขายหรือรายได้ให้กับธุรกิจได้หรือไม่ โดยเราจะช่วยวิเคราะห์ผลทุกสิ้นเดือน พร้อมชี้แจงข้อเสนอแนะในการดำเนินแผนธุรกิจในเดือนถัดไป เพื่อให้คุณสร้างผลตอบแทนจากการทำโฆษณาบนโซเชียลมีเดียได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
บริการโซเชียลมีเดียของเราที่มอบให้กับลูกค้าคนพิเศษ
- การทำ Content 12 โพสต์ต่อเดือน ไม่รวมการทำรูปภาพหรือถ่ายวิดีโอ
- การทำโฆษณาบนโซเชียลมีเดียพร้อมหากลุ่มเป้าหมายให้ตรงกลุ่มแบบไม่จำกัดแคมเปญ
- ไม่มีค่า set-up fee หรือ management fee
- ช่วยวิเคราะห์และเป็นที่ปรึกษาการทำการตลาดออนไลน์ไปร่วมกับคุณ อย่างมืออาชีพจากประสบการณ์ที่มีมานาน
- ค่าใช้จ่ายที่ลงตัว เริ่มต้นเพียง 35,000 บาทต่อเดือน โดยไม่คิดค่าบริการอื่น ๆ เพิ่มเติม
Hiring an Digital Marketing Agency can be a headache when they tend to have hidden costs and media spend fee which fluctuates.
การจ้างบริษัทการตลาดออนไลน์ (Digital Marketing Agency) ที่อื่น ๆ นั้น ส่วนใหญ่จะคาดเดาต้นทุนที่เกิดขึ้นได้ยาก เนื่องจาก
อาจมีค่า set-up fee และ ค่า media spend fee ซึ่งปกติทาง Agency จะคิด Top up ไปอีกถึง 10 – 20% จากงบโฆษณาของแบรนด์ รวมถึงบางแห่งอาจมีราคาเริ่มต้นถึง 50,000 – 120,000 บาทต่อเดือนใน Scope งานแบบเดียวกัน ด้วยความที่เราตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวของผู้ประกอบการ จึงออกแบบแพ็คเกจที่มีความชัดเจน ครบครัน และไม่คิดค่าบริการใด ๆ เพิ่มเติมอีก ทำให้ธุรกิจสามารถวางแผนการเงินรับการเติบโตได้อย่างง่ายดายกว่าที่ใด